มหัศจรรย์นมแม่ 20 คำถาม – ตอบ ความจริง “นมแม่ – นมผง” ที่พ่อแม่ควรรู้

คำถามที่ 1 ทำไมจึงไม่ควรให้ทารกได้รับนมที่ไม่ใช่นมแม่ ซึ่งได้แก่ นมผง นมกระป๋อง หรือนมในภาชนะบรรจุต่าง ๆ ตั้งแต่แรกเกิด

คำตอบ : เหตุผลที่ไม่ควรให้ทารกได้รับนมผงตั้งแต่แรกเกิด เพราะ

  1. ทำให้ทารกไม่ได้รับหัวน้ำนมจากแม่ซึ่งเปรียบเหมือนวัคซีนป้องกันโรค ทำให้เด็กเจ็บได้ง่าย
  2. ทำให้มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้โปรตีนนมวัว เนื่องจาก ลำไส้ของทารกแรกเกิดยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ โปรตีนจากนมผงสามารถเข้าสู่ร่างกายทารกได้ง่าย โดยผ่านช่องระหว่างเซลล์บุผิวลำไส้
  3. ทำให้น้ำนมแม่มาช้า และไม่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

คำถามที่ 2 นมผงมีข้อด้อยกว่านมแม่อย่างไร

คำตอบ : นมผงมีข้อด้อยกว่านมแม่ เพราะ

  1. นมผงมีสารอาหารน้อยกว่านมแม่ แต่ย่อยยากกว่านมแม่
  2. นมผงไม่มีภูมิต้านทาน และไม่มีสารช่วยกำจัดเชื้อโรค
  3. นมผงไม่มีสารช่วยการเจริญเติบโตของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายให้สมบูรณ์เต็มที่

คำถามที่ 3 การให้นมผงร่วมกับนมแม่ในระยะ 6 เดือนแรก จะมีผลเสียอย่างไร

คำตอบ : ผลเสียจากนมผง คือ

  1. มีผลทำให้ภาวะกรด ด่าง ในลำไส้ใหญ่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อชนิดดี ซึ่งจะช่วยป้องกันอันตรายจากเชื้อก่อโรคในลำไส้ใหญ่ ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคท้องเสียในทารกที่กินนมผง
  2. มีผลให้เกิดภาวะภูมิแพ้ได้ เนื่องจาก เป็นการนำโปรตีนแปลกปลอมให้ลูก ซึ่งยังมีระบบทางเดินอาหารและระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรง

คำถามที่ 4 ทำไมแนะนำให้ทารกได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียวล้วน ๆ ในระยะ 6 เดือนแรก

คำตอบ : นมแม่เป็นอาหารเพียงอย่างเดียว และดีที่สุดสำหรับวัยนี้ เพราะ

  1. ในระยะ 6 เดือนแรก การได้รับอาหารอื่นอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ และภูมิแพ้ได้ง่าย เนื่องจาก โครงสร้างของอวัยวะร่างกายทารกยังเจริญไม่เต็มที่ โดยเฉพาะทางเดินอาหารมีน้ำย่อยยังไม่ครบ ทำให้มีปัญหาในการย่อย และการดูดซึมอาหาร
  2. ในระยะ 6 เดือนแรกเป็นช่วงที่สมองมีการเจริญเติบโตสูงสุด สารอาหารจากน้ำนมแม่ช่วยในการพัฒนาการเจริญเติบโตของสมองได้อย่างเต็มที่ในวัยนี้
  3. การได้รับภูมิต้านทานจากนมแม่ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  4. ทำให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่าง ๆ จากนมแม่ เช่น วิตามิน ฮอร์โมน ปริมาณสารอาหาร และพลังงานจากนมแม่เพียงพอกับความต้องการของทารกวัยนี้

คำถามที่ 5 ถ้าแม่ขาดอาหาร น้ำนมแม่จะยังมีคุณภาพหรือไม่

คำตอบ : น้ำนมแม่ยังมีคุณภาพเสมอ แม้ว่า แม่ขาดอาหาร โดยธรรมชาติร่างกายของแม่จะคงคุณค่าของน้ำนมไว้เพื่อลูก ยกเว้นแม่อยู่ในภาวะขาดอาหารรุนแรง

คำถามที่ 6 ถ้าแม่ขาดไอโอดีน นมแม่จะยังมีคุณภาพหรือไม่

คำตอบ : แม้ว่า ปริมาณไอโอดีนในนมแม่ขึ้นอยู่กับปริมาณไอโอดีนที่แม่ได้รับ แต่ก็ไม่เป็นเหตุผลที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หากแม่ขาดไอโอดีนควรแนะนำแม่ให้ได้รับไอโอดีนจากอาหารให้เพียงพอ เช่น ใช้เกลือเสริมไอโอดีนปรุงประกอบอาหาร ยาเม็ดเสริมธาตุเหล็กที่มีไอโอดีนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งสามารถทำได้ และดีกว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมผง

คำถามที่ 7 ทารกที่กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนต้องเสริมธาตุเหล็กหรือไม่

คำตอบ : ในทารกที่คลอดครบกำหนด การให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวล้วน ๆ 6 เดือน ทารกจะได้รับธาตุเหล็กในน้ำนมแม่อย่างเดียวเต็มที่ ธาตุเหล็กเหล่านั้นจะถูกดูดซึมได้เต็มที่ จากการศึกษา พบว่า ถ้าแม่ไม่ขาดธาตุเหล็ก การให้นมแม่อย่างเดียว จะทำให้ทารกได้รับธาตุเหล็กเพียงพอ แต่ถ้ามีการนำอาหารอื่นมาให้ทารกด้วย อาหารอื่นจะรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็กจากน้ำนมแม่ เช่น เคยดูดซึมได้กว่าร้อยละ 80 ก็จะเหลือเพียงร้อยละ 20 ทำให้ทารกมีโอกาสขาดธาตุเหล็กในระยะ 6 เดือนแรกได้

ในทารกคลอดก่อนกำหนด จำเป็นต้องมีการเสริมธาตุเหล็กในระยะอายุ 2 – 3 เดือน เนื่องจาก ทารกคลอดออกมาก่อนที่แม่จะส่งผ่านธาตุเหล็กมาให้ได้ทัน ยิ่งคลอดก่อนกำหนดมากเท่าไร ต้องระวังปัญหาขาดธาตุเหล็กมากเท่านั้น

ในการดูแลแบบองค์รวม จึงต้องดูแลแม่ให้ได้รับอาหารวิตามิน เกลือแร่ โดยเฉพาะธาตุเหล็ก ไอโอดีน และโฟเลต อย่างเพียงพอ ทั้งระยะตั้งครรภ์และระยะให้นมลูกจะทำให้ทารก จะได้รับธาตุต่าง ๆ รวมทั้งธาตุเหล็กจากนมแม่ได้เพียงพอ

คำถามที่ 8 การเติมสาร DHA ในนมผง ทำให้ทารกฉลาดได้จริงหรือ

คำตอบ : ไม่จริง ยังไม่มีงานวิจัยที่สามารถยืนยันว่า การเติมสารใด ๆ ในนมผงแล้ว ทำให้ทารกฉลาดได้ ยังไม่มีงานวิจัยที่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า การเติม สาร DHA ในนมผงทำให้ทารกฉลาด แต่มีหลักฐานชัดเจนว่า ทารกที่ได้รับนมแม่ฉลาดกว่าทารกที่เลี้ยงด้วยนมผงอย่างมีนัยสำคัญ

คำถามที่ 9 นมผงที่มีสารสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันการติดเชื้อในทารกได้จริงหรือ

คำตอบ : ไม่จริง งานวิจัยเกี่ยวกับการเติมสารสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในนมผงยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ทำให้ทารกติดเชื้อลดลงจริง แต่มีหลักฐานชัดเจนว่า ทารกที่ได้รับนมแม่มีการติดเชื้อน้อยกว่าทารกที่เลี้ยงด้วยนมผงอย่างมีนัยสำคัญ

คำถามที่ 10 นมผงมีสารอาหารมากกว่านมแม่จริงหรือ

คำตอบ : ไม่จริง เพราะนมผงมีสารอาหารแค่ 60 ชนิด ส่วนนมแม่มีมากกว่า 200 ชนิด

คำถามที่ 11 นมผงมีโปรตีนครบกว่านมแม่จริงหรือ

คำตอบ : ไม่จริง เพราะเป็นโปรตีนคนละสายพันธุ์ ซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ แม้ว่า โปรตีนในนมผงนั้นจะได้รับปริมาณให้ใกล้เคียงนมแม่แล้วก็ตาม

คำถามที่ 12 กินนมแม่ จะช่วยครอบครัวประหยัดได้เท่าไร

คำตอบ : ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการซื้อนมผงปีละประมาณ 48,000 บาทต่อเด็ก 1 คน หรือประมาณเดือนละ 4,000 บาท

คำถามที่ 13 การที่แม่ได้รับตัวอย่างนมผงหลังคลอดมีผลเสียอย่างไร

คำตอบ : มีโอกาสในมผงง่ายขึ้น ส่งผลให้ลูกดูดนมแม่น้อยลง ทำให้การสร้างน้ำนมแม่น้อยลง และแห้งไปในที่สุด ทำให้แม่ต้องหันไปใช้นมผงชนิดนั้น

คำถามที่ 14 การที่แม่ได้รับตัวอย่างนมผงจากโรงพยาบาล คลินิก สถานพยาบาล หรือบุคลากรอื่น ๆ มีผลเสียอย่างไร

คำตอบ :

  1. แม่เกิดความไม่มั่นใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และอาจใช้นมผงในการเลี้ยงลูกแทนนมแม่
  2. เกิดความเข้าใจผิดคิดว่า นมผงยี่ห้อที่ได้รับแจกจะเลี้ยงลูกได้ดี เพราะได้รับแจกจากผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ

คำถามที่ 15 การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ นมผงผ่านสื่อต่าง ๆ มีอิทธิพลกับแม่อย่างไร

คำตอบ : ทำให้แม่หลงเชื่อ และหันไปใช้นมผงมากขึ้น เพราะสื่อโฆษณา มักจะแสดงภาพเด็กที่แข็งแรง น่ารัก และใช้ชื่อภาษาอังกฤษบอกส่วนประกอบของนม เช่น DHA, AA สิ่งเหล่านี้ทำให้แม่เข้าใจว่า นมผงมีคุณค่าตามโฆษณาดังกล่าว

คำถามที่ 16 ทำไมจึงต้องมีหลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดผลิตภัณฑ์อาหารทารกและเด็กเล็ก

คำตอบ : เนื่องจาก การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และการตลาด ผลิตภัณฑ์อาหารทารกและเด็กเล็ก ในรูปแบบต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไปทั่วโลก และไม่มีมาตรการในการควบคุม ประเทศสมาชิกทั่วโลกจึงเห็นพ้องต้องกันว่า ต้องมีมาตรการควบคุมการตลาดที่ผิดจริยธรรม จึงมีมติเป็นเอกฉันท์รับรองหลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดในการประชุมสมัชชาสาธารณสุขโลกปี พ.ศ. 2524 และให้แต่ละประเทศไปดำเนินการจัดทำเป็นกฎหมาย หรือกฎระเบียบที่เข้มแข็ง

คำถามที่ 17 ทำไมต้องผลักดันหลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก (Code) ให้เป็นกฎหมาย

คำตอบ : เพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องปรามกลยุทธ์การตลาดที่ขาดจริยธรรมที่บั่นทอนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คุ้มครองแม่จากการได้รับอิทธิพลการโฆษณา ที่ทำให้แม่เข้าใจผิดว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมผงไม่แตกต่างจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และเป็นการปกป้องสิทธิเด็กที่ควรได้รับนมแม่ ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กของสหประชาชาติ (Convention on the Rights of the Child : CRC)

คำถามที่ 18 หากหลักเกฑณ์ว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก (Code) เป็นกฎหมาย (พ.ร.บ.การตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก) แล้วจะช่วยส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างไร

คำตอบ : เมื่อเป็นกฎหมายแล้วทำให้การโฆษณาต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ จะสามารถเอาผิด และทำการลงโทษผู้ละเมิดได้ ซึ่งจะทำให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้นได้

คำถามที่ 19 ในระหว่างที่ พ.ร.บ.การตลาดอาหารทารกและเด็กเล็กยังไม่มีผลบังคับใช้ จะมีวิธีการดำเนินการเพื่อป้องปรามผู้ละเมิดหลักเกณฑ์อย่างไร

คำตอบ : ใช้พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 เป็นเครื่องมือในการดำเนินงาน ซึ่งมีปัญหายังไม่ครอบคลุมกับการกำกับดูแลการตลาดในรูปแบบใหม่ ๆ และข้อกำหนดของหลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก (Code)

คำถามที่ 20 บุคลากรสาธารณสุขมีบทบาทหน้าที่ในการปกป้องตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก (Code) อย่างไร

คำตอบ :

  1. ดูแลไม่ให้มีการรับบริจาค หรือแจกจ่ายนมผสมแก่แม่ หรือครอบครัวที่มีทารกและเด็กเล็ก
  2. เฝ้าระวังการกระทำใด ๆ ที่ละเมิด Code และส่งรายงานการละเมิดพร้อมหลักฐานมายังกรมอนามัย

ถึงแม้ปัจจุบัน “แม่รุ่นใหม่” จำนวนมากจะมีความรู้ความเข้าใจและเห็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้น แต่เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมในด้านต่าง ๆ รวมถึงข้อจำกัดในการดำเนินชีวิตของแม่ ทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคมากมายที่มีผลกระทบต่อความคิด และพฤติกรรมในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การชักจูงโน้มน้าวของบุคคลแวดล้อมที่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการให้นมเด็ก การให้คำแนะนำที่ไม่เพียงพอเหมาะสมของบุคลากรทางการแพทย์ และการโฆษณาจูงใจของผลิตภัณฑ์นมผสม และอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก เราจะร่วมมือกันในการที่จะก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่ทำให้แม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำเร็จ ด้วยการผลักดันให้ร่าง พ.ร.บ.การตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก เป็นกฎหมายที่ประกาศใช้ในอนาคต ซึ่งเป็นหนทางหนึ่งในการปกป้อง ส่งเสริม และสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในประเทศไทย

ขอขอบคุณที่มาบทความจาก file:///C:/Users/PC-Admin/Downloads/20bf.pdf

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *