เมื่อตั้งครรภ์อาหารที่รับประทานต้องคำนึงถึงคุณค่า และคุณภาพเป็นสำคัญ เนื่องจาก ทุก ๆ สิ่งที่รับประทานเข้าไปจะมีผลต่อพัฒนาการของลูก
ช่วงอายุครรภ์ 3 – 4 เดือนแรก เป็นระยะที่เจ้าตัวน้อยกำลังสร้างอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย สำหรับช่วง 5 เดือนหลัง สารอาหารจะไปเพิ่มขนาดของอวัยวะที่ทารกกำลังสร้าง รวมทั้งสุขภาพร่างกายของคุณแม่ เช่น มดลูก และการเตรียมน้ำนมสำหรับลูกด้วย
ควรเลือกทานอาหารที่ใหม่สดสะอาดมีประโยชน์ และครบ 5 หมู่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ โดยมีสัดส่วนที่เหมาะแก่ผู้ตั้งครรภ์ เพื่อให้ทารกดึงเอาอาหารส่วนที่ต้องการไปใช้ และมีคุณค่าสารอาหารเหลือมากพอที่จะทำให้สุขภาพของแม่แข็งแรงอยู่ได้
ระหว่างการตั้งครรภ์คุณแม่ต้องการสารอาหารประเภทใดเป็นพิเศษ
ปริมาณพลังงาน และสารอาหารที่คุณต้องการ
ประโยชน์ของสารอาหาร | พบได้ในอาหารประเภท | |
ปริมาณที่คนท้องต้องการในแต่ละวัน | เพื่อเป็นพลังงานสำหรับเด็ก | อาหารทุกชนิดหลีกเลี่ยงอาหาร หรือเครื่องดื่มที่ไม่ให้คุณค่าอาหาร เช่น กาแฟ ของหวาน |
โปรตีน | เพื่อให้เนื้อเยื่อเด็กเติบโตช่วยให้มดลูก และเต้านมเจริญเติบโตเพื่อเพิ่มประมาณเลือดเพื่อให้รกเจริญเติบโตเพื่อให้สมองเด็กเจริญเติบโต | นมเนยไข่เนื้อสัตว์ถั่ว |
แคลเซียม | ช่วยสร้างกระดูกช่วยสร้างฟันเด็กป้องกันโรคกระดูกพรุนในแม่ | นมโยเกิร์ตเนยธัญพืชผักใบเขียวไข่แดง |
วิตามินซี | ช่วยให้แผลหายเร็วซ่อมแซมเนื้อเยื่อช่วยในการสร้างกระดูกและฟันช่วยในการเผาผลาญอาหาร | ผลไม้รสเปรี้ยวมะเขือเทศสตรอเบอร์รี่แตงโมพริกมันฝรั่ง |
โฟลิก | ลดความพิการทางสมอง | ผักใบเขียวผลไม้รสเปรี้ยวขนมปังและธัญพืชตับ ถั่ว |
น้ำวันละ 8 แก้ว | ช่วยสร้างน้ำในเซลล์เด็กช่วยในการขับของเสียเพิ่มปริมาณน้ำในเลือดให้ผิวชุ่มชื้นเป็นตัวพาอาหารให้เด็กลดการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ | น้ำน้ำผลไม้น้ำจากผัก |
ธาตุเหล็ก | เพิ่มเม็ดเลือดแดงสำหรับคุณแม่ป้องกันโลหิตจาง | ผักใบเขียวเนื้อสัตว์ไข่ถั่วธัญพืช |
ไอโอดีน | ช่วยป้องกันการเป็นคอหอยพอก | เกลือทะเลผสมไอโอดีนอาหารทะเล |
ปริมาณอาหาร 2,500 แคลอรี เป็นปริมาณที่แนะนำสำหรับหญิงตั้งครรภ์ระยะ 6 เดือน ก่อนคลอด หากไม่แน่ใจว่า ได้อาหารเพียงพอ หรือไม่ควรปรึกษาแพทย์
อาหารที่ช่วยลดอาการไม่สบายตัวของคนท้อง
- อาการท้องผูก
- เป็นอาการที่พบบ่อย และสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการรับประทานอาหารที่มีใยอาหาร เช่น ผักและผลไม้ ธัญพืชรวมทั้งให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว อาจดื่มน้ำลูกพรุนบ้างจะช่วยลดอาการท้องผูกได้ดี
- อาหารไม่ย่อย
- วิธีช่วยลดอาการอาหารไม่ย่อย ทำได้โดยแบ่งอาหารออกเป็นวันละ 5 – 6 มื้อ หลีกเลี่ยงน้ำระหว่างรับประทานอาหาร และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด รวมทั้งอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น ถั่ว
อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานระหว่างตั้งครรภ์
- แอลกอฮอล์
- ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางสะดือไปสู่ทารก ทำให้พัฒนาการชะงักหยุดยั้งการเติบโตของสมอง ก่อให้เกิดความผิดปกติหรือพิการแก่ทารกได้
- ผงชูรส
- ผงชูรส รวมทั้งอาหารสำเร็จรูป หรือเครื่องปรุงรสที่มีส่วนผสมของผงชูรส จะทำลาย หรือมีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของสมองทารกได้
- ผงกรอบ
- อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้อาเจียน หรือท้องเดิน
- น้ำชา กาแฟ โกโก้
- น้ำชาจะทำให้ท้องผูกง่าย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของริดสีดวงทวารมากขึ้น ส่วนกาแฟทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ และกระตุ้นปัสสาวะ ทำให้ช่วงเวลาเพื่อการพักผ่อนน้อยลง ซึ่งส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ และจะเกิดอาการเดียวกันกับผู้ใหญ่
- อาหารหมักดอง
- ผักผลไม้ดองไม่มีคุณค่าของสารอาหาร บางครั้งอาจมีสี หรือสารพิษปนเปื้อนที่อาจเป็นอันตรายได้ ในกรณีคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ยิ่งไม่ควรรับประทาน เพราะอาจจะกระตุ้นให้โรคกำเริบได้
น้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ขึ้นอยู่กับลักษณะของผู้ตั้งครรภ์ ดังนี้
ลักษณะของหญิงตั้งครรภ์ | น้ำหนักที่เพิ่ม |
หญิงตั้งครรภ์ที่ผอม | 13 – 18 กิโลกรัม |
หญิงตั้งครรภ์น้ำหนักปกติ | 12 – 16 กิโลกรัม |
หญิงตั้งครรภ์น้ำหนักเกิน | 9 – 12 กิโลกรัม |
หญิงตั้งครรภ์แฝด | 16 – 20 กิโลกรัม |
คุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละคนอัตราการเพิ่มของน้ำหนักจะไม่เท่ากัน โดยทั่วไปน้ำหนักจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นช่วง 3 เดือนแรก น้ำหนักจะเพิ่มประมาณ 1 – 2 กิโลกรัม หลังจากนั้น จะเพิ่มประมาณครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ แต่โดยทั่วไปตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์น้ำหนักควรเพิ่ม 10 – 12 กิโลกรัม
การใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์
คุณแม่ไม่ควรซื้อยารับประทานเองเด็ดขาด เพราะยาหลายประเภทเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ และยาแก้อักเสบ หากมีความจำเป็นในการใช้ยาควรปรึกษาแพทย์
ขอขอบคุณที่มาบทความ เรื่อง สุขใจ ได้เป็นแม่ พ่อแม่ทุกคนต้องอ่าน เพื่อร่วมมือกันเป็นหุ้นส่วนชีวิต จาก https://spkhp.files.wordpress.com/2016/03/e0b884e0b8b9e0b988e0b8a1e0b8b7e0b8ade0b894e0b8b9e0b981e0b8a5e0b895e0b899e0b980e0b8ade0b887e0b8abe0b88de0b8b4e0b887e0b895e0b8b1e0b989.pdf