น้ำหนักตัวของคุณแม่จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าหนึ่งกิโลกรัมต่อเดือน แต่เมื่อนับตั้งแต่เริ่มท้องไปจนกระทั่งครบกำหนดคลอด น้ำหนักจะเพิ่มเฉลี่ยประมาณ 2 กิโลกรัมต่อดือน ซึ่งโดยรวมแล้วน้ำหนักตัวของคุณแม่ก็ควรจะเพิ่มประมาณ 10 – 12 กิโลกรัม จึงนับว่า อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ลูกน้อยเริ่มได้ยินเสียงแล้ว
เจ้าตัวน้อยในครรภ์ สามารถได้ยินเสียงตั้งแต่อายุครรภ์ได้ 5 เดือน ซึ่งเสียงที่ได้ยินขณะอยู่ในครรภ์ เป็นเสียงธรรมชาติในร่างกาย เช่น เสียงหัวใจของแม่เต้น เสียงบีบของลำไส้ เสียงเคลื่อนไหวของกระแสเลือด เป็นต้น เสียงเหล่านี้มีผลต่อการพัฒนาระบบประสาทการได้ยินของทารก ได้มีการใช้เสียงดนตรีให้เจ้าตัวน้อยในครรภ์ฟัง ตั้งแต่ 5 – 6 เดือนขึ้นไป พบว่า ทารกมีพัฒนาการด้านการได้ยินที่เร็วกว่าปกติ มีสติปัญญาสูง ร่าเริงไม่ร้องกวน ดังนั้น ช่วงเวลานี้ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมกระตุ้นพัฒนาการโดยการพูดคุยกับลูกในครรภ์
อาการที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ตั้งครรภ์
อาการปวดหลังของคุณแม่ตั้งครรภ์
อาการปวดหลังเป็นอาการที่พบได้บ่อยตั้งแต่แรกจนใกล้คลอด สาเหตุเกิดจากมดลูกที่มีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักมากขึ้น ทำให้หลังต้องแบน้ำหนักเพิ่มจนปวดหลัง
วิธีป้องกันอาการปวดหลังของคุณแม่ตั้งครรภ์ มีดังนี้
- งดใส่รองเท้าส้นสูง ให้ใส่รองเท้าส้นเตี้ย ๆ
- งดยกของหนัก
- ห้ามก้มยกของ
- อย่ายืนนาน ถ้าหากจำเป็น ควรยืนให้น้ำหนักอยู่บนขาข้างใดข้างหนึ่ง และพักสลับกันไป
- นั่งบนเก้าอี้ที่มีพนักพิง และหาหมอนใบเล็ก ๆ หนุนที่หลัง ที่นอนต้องไม่แข็งเกินไป
- ควรนอนในท่าตะแคงซ้ายขาขวาก่ายหมอนข้าง
- ออกกำลังบริหารกล้ามเนื้อ
อาการปัสสาวะบ่อยของคุณแม่ตั้งครรภ์
ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์คุณแม่สงสัยว่า ทำไมถึงปวดปัสสาวะบ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะไปปัสสาวะมา ที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจาก มดลูกที่โตขึ้นไปกดกระเพาะปัสสาวะ จึงทำให้คุณแม่ปวดปัสสาวะบ่อย อาการจะเริ่มดีขึ้น เมื่อมดลูกขยายเข้าในท้อง และจะเริ่มมีอาการอีกครั้งเมื่อเด็กใกล้คลอด
อาการปวดท้องน้อยของคุณแม่ตั้งครรภ์
เมื่อมดลูกใหญ่ขึ้นจะทำให้เอ็นที่ยึดมดลูกตึงตัว คุณแม่จะรู้สึกตึงหน้าท้อง บางครั้งข้างเดียว บางครั้งสองข้าง ลักษณะจะปวดตึง ๆ ซึ่งอาการนี้มักจะเริ่มขณะอายุครรภ์ 18 – 24 สัปดาห์
การป้องกันอาการปวดท้องน้อยของคุณแม่ตั้งครรภ์ มีดังนี้
- อย่าเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็ว
- เมื่อปวดท้องให้โน้มตัวมาข้างหน้า
- ให้นอนพัก หรือเปลี่ยนท่าบ่อย ๆ จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้
อาการปวดศีรษะของคุณแม่ตั้งครรภ์
เป็นอาการที่พบบ่อย ความถี่ของการปวด และความรุนแรงจะไม่เท่ากันในแต่ละคน หากต้องรับประทานยาเป็นประจำควรปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการปวดดังนี้
- ปวดไม่หาย
- ปวดบ่อย
- ปวดรุนแรงมาก
- ตาพร่ามัวหรือมองเป็นจุด
- ปวดศีรษะร่วมกับคลื่นไส้
ริดสีดวงทวารในคุณแม่ตั้งครรภ์
ริดสีดวงทวารเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ตั้งครรภ์ เนื่องจาก หลอดเลือดที่โป่งพองมักจะพบในคนที่ท้องผูก หลังคลอดอาการท้องผูกจะดีขึ้น
การป้องกันริดสีทวงทวารในคุณแม่ตั้งครรภ์ คือ
- เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยมากขึ้น
- ดื่มน้ำมาก ๆ
- นั่งแช่ก้นในน้ำอุ่น
- ใช้ครีมทาลดการอักเสบและโป่งพอง
อาการจุกเสียดแน่นท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์
คุณแม่จะมีอาการจุกเสียดท้อง เริ่มจากระเพาะไปสู่หลอดอาหาร สาเหตุจากมีกรดมาก อาหารย่อยช้าและมดลูกที่ไปดันกระเพาะอาหาร ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้แน่นท้อง
วิธีป้องกันอาการจุกเสียดแน่นท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์ คือ
- รับประทานอาการบ่อย ๆ วันละ 5 – 6 ครั้ง
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำระหว่างรับประทานอาหาร
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส และอาหารรสจัด
- งดรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกาย งดดื่มสุรา และสูบบุหรี่
นอนไม่หลับของคุณแม่ตั้งครรภ์
เมื่อมดลูกเริ่มโตขึ้น คุณแม่จะหาท่านอนที่หลับสบายได้ยากเต็มที่ แต่ก็มีวิธีที่พอช่วยได้ คือ
- อาบน้ำอุ่นก่อนนอน
- ดื่มนมอุ่น ๆ สักแก้วจะช่วยให้หลับดีขึ้น
- นอนตะแคงซ้ายมีหมอนหนุนท้องและขา
- นอนบนม้าโยก
การเปลี่ยนผิวหนังในคนท้อง
เนื่องจาก มีการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังที่พบบ่อย ๆ คือ
- มีฝ้าขึ้นโดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดด ควรป้องกันโดยทาครีมกันแดด
- บริเวณหัวเหน่าจะมีรอยเส้นดำเกิดขึ้น หลังคลอดรอยดำจะจางหายไป
- บริเวณหน้าท้องมีรอยแนวสีชมพู เรียกว่า ท้องลาย เนื่องจาก การขยายของผิวหน้าท้อง ซึ่งไม่มีวิธีป้องกัน แต่รอยนี้จะค่อย ๆ จางลงภายหลังคลอด
- จะเห็นเส้นเลือดบริเวณหน้าอกขยายผิวบริเวณฝ่ามือจะแดง ซึ่งอาการทั้งสองเป็นผลจากฮอร์โมน
- อาจจะเกิดสิวขึ้นให้ล้างหน้าบ่อย ๆ ในแต่ละวัน
อาการบวมและเส้นเลือดขอดในคนท้อง
คุณแม่อาจจะมีอาการบวมหลังเท้า วิธีแก้ให้นั่งหรือนอนยกเท้าสูง ห้ามซื้อยาขับปัสสาวะมารับประทานเด็ดขาด ถ้าหากมีอาการบวมที่แขนหรือใบหน้า ต้องบอกให้แพทย์ทราบ
เส้นเลือดขอดบริเวณขาหรืออวัยวะเพศ สาเหตุเกิดจากมดลูกกดทับเส้นเลือดดำ และจะหายได้หลังจากคลอด
วิธีป้องกันอาการบวมและเส้นเลือดขอดในคนท้อง คือ
- อย่านั่งหรือยืนนานเกินไป
- หมั่นยกเท้าให้สูงทั้งในขณะนั่งหรือนอน
- งดใส่ถุงเท้าที่รัดแน่น
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- เลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง
ขอขอบคุณที่มาบทความ เรื่อง สุขใจ ได้เป็นแม่ พ่อแม่ทุกคนต้องอ่าน เพื่อร่วมมือกันเป็นหุ้นส่วนชีวิต จาก https://spkhp.files.wordpress.com/2016/03/e0b884e0b8b9e0b988e0b8a1e0b8b7e0b8ade0b894e0b8b9e0b981e0b8a5e0b895e0b899e0b980e0b8ade0b887e0b8abe0b88de0b8b4e0b887e0b895e0b8b1e0b989.pdf