การดิ้นของทารกในครรภ์ หมายถึง การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของทารกในท้องทุกลักษณะ ได้แก่ การยืดแขน ขา ลำตัว หรือการถีบกระทุ้ง เป็นต้น ซึ่งในการดิ้นของทารกในครรภ์ ผู้เป็นแม่จะรู้สึกได้ว่า มีส่วนของทารกมากระแทกที่หน้าท้องทุกครั้ง การดิ้นของทารกในครรภ์ เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า ทารกในครรภ์มีสุขภาพเป็นอย่างไร การดิ้นที่ผิดปกติแสดงว่า เกิดปัญหากับทารกในครรภ์ตลอดจนเป็นสัญญาณเตือนภัยให้แพทย์ที่ดูแลสามารถประเมิน และให้การช่วยเหลือได้ทัน ดังนั้น ควรทราบวิธีสังเกต และบันทึกการดิ้นของทารกในแต่ละวัน ดังนี้
- ครรภ์แรก คุณแม่จะเริ่มรู้สึกว่า ลูกดิ้นเมื่อตั้งครรภ์ได้ประมาณ 5 เดือน หรือ 20 สัปดาห์
- ครรภ์หลัง คุณแม่จะเริ่มรู้สึกว่า ลูกดิ้นเมื่อตั้งครรภ์ได้ประมาณ 4 เดือน หรือ 16 สัปดาห์
- การนับลูกดิ้นในครรภ์ให้เริ่มบันทึกเมื่ออายุครรภ์ 7 เดือน (28 สัปดาห์)
ลักษณะการดิ้นของทารกในครรภ์และความรู้สึกที่นับเป็นการดิ้น 1 ครั้ง
- การดิ้นหมุนทั้งตัว หรือพลิกตัว ทารกเคลื่อนไหวทั้งตัวมีแรง หรือเบา คุณแม่จะรู้สึกได้ทั้งท้อง 3 – 30 วินาที
- การเตะหรือถีบ เคลื่อนไหวเฉพาะบางส่วนของร่างกายทารก เช่น แขนหรือขา รู้สึกเป็นบางส่วนของหน้าท้อง การเคลื่อนไหวเร็วใช้เวลาน้อยกว่า 1 วินาที
- สะดุ้ง หรือกระตุกของทารก การเคลื่อนไหวของทารกจะเริ่มจากแขน ขา และขยับไม่ทั้งตัว มักจะเกิดขึ้นครั้งเดียว และจะเว้นช่วงพักใช้เวลาเท่ากับ 1 วินาที
- สะอึก รู้สึกเหมือนทารกกระตุก หรือกำลังเต้นเป็นจังหวะในท้อง แต่ไม่มีแรงกระแทกจากลำตัว “เด็กสะอึกไม่นับเป็นการดิ้น” จะใช้เวลาน้อยกว่า 1 วินาที
คุณแม่ควรนับลูกดิ้นทุกวันในหนึ่งวัน ทารกควรจะดิ้นอย่างน้อย 12 ครั้ง และอย่างน้อย 4 ครั้ง ภายในเวลา 1 ชั่วโมง หลังคุณแม่รับประทานอาหารมื้อเช้า กลางวัน เย็น
ท่าทางและการทรงตัวของคุณแม่ตั้งครรภ์
เนื่องจาก รูปร่างที่เปลี่ยนแปลงตลอดระยะตั้งครรภ์ ทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนทำงานมากขึ้น หากการทรงตัวไม่ดีจะทำให้ปวดเมื่อยมากขึ้น
ท่าทางการทรงตัวของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ถูกต้อง
- ศีรษะ ลำคอ คาง : อยู่ในแนวตรง ทำให้ลำตัวตั้งตรง
- ไหล่และหน้าอก : ยืดตรง ดึงไหล่ให้ผายออก กระดูกซี่โครงไม่กดปอด
- แขน : แนบขนานกับลำตัว ไม่บิดเข้า
- หน้าท้องและสะโพก : ไม่ยืนแอ่นไปข้างหน้ามาก ดึงเก็บสะโพกให้อยู่ในแนวตรงกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่ให้ยื่นมาก
- เข่า : งอเข่าเล็กน้อยเพื่อช่วยรับน้ำหนักที่เท้า
- เท้า : ควรยืนให้มั่น และแยกเท้าห่างกันเล็กน้อย เพื่อช่วยในการกระจายน้ำหนักไปที่จุดกึ่งกลางเท้า คุณแม่ควรสังเกตตัวเองด้วยว่า การทรงตัวถูกต้องหรือไม่ หากยังไม่ถูกต้องขอให้คุณแม่แก้ไข
ท่านั่งของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ถูกต้อง
- การใช้หมอนรองใต้ศีรษะ เอว และเท้า จะช่วยให้นั่งได้สบาย
- การนั่ง และยกขาสูง แล้วหมุนข้อเท้า เข้า – ออก จะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดได้สะดวกขึ้น และยังลดอาการเท้าบวม
- ควรนั่งคุกเข่าแทนการก้ม หรือโน้มตัวลงมา
- ขณะนอนควรนอนตะแคง และมีหมอนรองระห่างมืดและขา หมอนนิ่ม ๆ จะช่วยให้นอนหลับได้สบายขึ้น
การลุกจากท่านอนของคุณแม่ตั้งครรภ์
ท่าที่ถูกต้อง คือ นอนตะแคงข้าง แล้วใช้มือและแขนทั้ง 2 ข้าง ช่วยดันตัวให้ลุกขึ้น การลุกอย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันอาการปวดหลังและปวดบริเวณกล้ามเนื้อหน้าท้อง
ลีลาท่วงท่า สบาย สบาย … ย ของคุณแม่ตั้งครรภ์
มีท่าทางสบาย ๆ ขณะทำงานบ้านหรือยามพักผ่อนมาฝากคุณแม่ที่กำลังอุ้ยอ้ายจะลุกจะนั่งหรือแม้กระทั่ง จะนอนก็ลำบาก ลองนำไปปฏิบัติดูน่าจะช่วยให้สบายเนื้อสบายตัวขึ้น หลังจากที่คุณแม่ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน หาเวลาพักผ่อนบ้างโดยนอนนอนหลังยกขาทั้งสองข้างให้สูงกว่าระดับหัวใจ จะช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดจากขาเข้าสู่หัวใจได้ดี ลดอาการปวดน่อง และเส้นเลือดขอด (ไม่ควรยกขาให้สูงเกินไป เช่น ตั้งฉากกับลำตัว เพราะเป็นการปิดกั้นของลิ้นในเส้นเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดลำบากขึ้น)
- ท่านอนหงายที่สบายตัวที่สุด นอนหนุนหมอนตามปกติ ควรมีหมอนรองใต้เข่าเพื่อให้ราบกับพื้น
- ท่านอนตะแคง ควรมีหมอนหนุนระหว่างขาและแขนทั้งสองข้าง
- การนอนกึ่งตะแคงกึ่งคว่ำ จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีมาก
- ครึ่งนั่งครึ่งนอน ควรมีหมอนรองศีรษะและหลังให้พอดี และควรนั่งหลังตรง (อย่าให้มีช่องว่างระหว่างหมอนกับหลัง)
นั่งนานเกินไปก็ไม่ดี แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรหาเก้าอี้เตี้ย ๆ รองเท้าทั้งสองข้างจะดียิ่งขึ้น หากมีหมอนหนุนที่คอและหลังด้วย
ช่วงนั่งพักผ่อนดูทีวี ฟังเพลงควรนั่งพิงพนักเหยียดขา และมีหมอนรองให้สูง แล้วอย่าลืมหมุนข้อเท้าไปมา เพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย
ถ้าต้องออกไปช้อปปิ้ง และต้องใช้รถเข็นของ ควรเข็นให้ตัวรถใกล้ตัวคุณแม่มากที่สุด เพราะหากอยู่ไกลการยืดแขนออกไปสุดจะทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักขึ้น
เวลายืนนาน ๆ ควรยกขาขึ้นมาและเคลื่อนไหวข้อเท้าและนิ้วเท้าสักครู่ สลับกันทั้งสองข้าง
นอกจาก จะรู้จักจัดวางท่วงท่าแล้วก็อย่าลืมออกกำลังกาย (ที่ไม่หักโหม) บ้าง เพราะเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยสร้างความรู้สึกสดชื่นได้
คุณแม่ตั้งครรภ์ออกกำลังกายได้นะ
คุณแม่ตั้งท้องเริ่มออกกำลังกายกันเถอะ
การออกกำลังกาย คือ วิธีช่วยลดอาการปวดหลัง ลดการเป็นตะคริวได้ เพราะการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
- ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมสำหรับรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์
- ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเชิงกรานแข็งแรง คลอดง่าย
- ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญอาหารส่วนเกิน คุณแม่สามารถรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นโดยไม่ทำให้อ้วน
- ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดี ขับถ่ายเป็นปกติ ท้องไม่ผูก
- ช่วยให้นอนหลับสบาย และผ่อนคลายความตึงเครียดได้
ข้อแนะนำสำหรับการออกกำลังกายของคุณแม่ตั้งท้อง
- ทำจิตใจให้สบาย สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบายไม่รัดตึง เตรียมเสื่อสำหรับปูนอน และหมอน 2 – 3 ใบ สวมถุงเท้าและรองเท้าที่ใส่สบาย ก่อนบริหารร่างกายครึ่งชั่วโมง สามารถรับประทานผลไม้ หรืออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต จำพวกแป้งได้
- การบริหารร่างกายครั้งแรกให้ทำน้อย ๆ ก่อน คือ ใช้เวลา 10 – 12 นาที 1 – 2 เท่า เพื่อให้ร่างกายปรับตัวแล้ว จึงค่อย ๆ เพิ่มเป็น 5 นาที อีกวันละ 1 ท่า เรื่อยไปจนครบ 30 – 40 นาที เมื่อรู้สึกเหนื่อยมากให้หยุดทันที
- ไม่ควรอาบน้ำทันที หลังการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ควรนั่งรอให้เหงื่อแห้งก่อน บริหารร่างกายให้สม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 4 วัน ถ้าหยุดไปต้องเริ่มต้นบริหารใหม่
หญิงตั้งครรภ์กับภาวะฟันผุ คุณแม่แปรงฟัน
คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องฟันผุ เพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน รวมทั้งกินจุกจิกมากขึ้น ประกอบกับช่วงสามเดือนแรกอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนทุกครั้งที่แปรงฟัน จึงเลี่ยงหรือทำความสะอาดไม่ดีพอ ฟันจึงผุง่ายขึ้น ควรหมั่นสังเกตและทำความสะอาด หรือไปพบทันตแพทย์เพื่อป้องกันฟันผุ
ขอขอบคุณที่มาบทความ เรื่อง สุขใจ ได้เป็นแม่ พ่อแม่ทุกคนต้องอ่าน เพื่อร่วมมือกันเป็นหุ้นส่วนชีวิต จาก https://spkhp.files.wordpress.com/2016/03/e0b884e0b8b9e0b988e0b8a1e0b8b7e0b8ade0b894e0b8b9e0b981e0b8a5e0b895e0b899e0b980e0b8ade0b887e0b8abe0b88de0b8b4e0b887e0b895e0b8b1e0b989.pdf