วิธีการดูแลตัวเองคุณแม่ผ่าคลอด

คุณแม่ที่ต้องผ่าคลอดจะต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ มากกว่าคุณแม่ที่คลอดตามปกติ เมื่อคุณแม่รู้สึกตัว หรือยาชาหมดฤทธิ์ก็จะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากแผลผ่าตัดเป็นสิ่งแรก ถึงแม้คุณแม่จะเจ็บอย่างไรก็ควรพยายามเคลื่อนไหว หรือพลิกตัวบ่อย ๆ เพราะจะช่วยทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวตัวได้ดีขึ้นรวมทั้งป้องกัน การเกิดพังผืดระหว่างอวัยวะในช่องท้องกับเยื่อบุช่องบริเวณผ่าตัด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการปวดท้องเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาดได้

เมื่อคุณแม่แข็งแรงพอที่จะลุกหรือยืนได้แล้ว อาการเจ็บแผลผ่าตัดจะสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการใช้ผ้ายางยืดแผลผ่าตัดไม่ให้ถูกดึงรั้งจากผนังหน้าท้องที่ยังหย่อนยาน เวลาที่คุณแม่จะเปลี่ยนอิริยาบถก็ค่อย ๆ ทำโดยการงอเข่าหาตัวก่อนที่จะลุก หรือยืนเพื่อลดความตึงของหน้าท้อง แต่ส่วนใหญ่แล้วอาการปวดตึงแผลจะค่อย ๆ ทุเลาลงหลัง 48 ชั่วโมง อาการปวดแผลสามารถทะเลาลงได้ เพียงทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลเท่านั้น

คุณแม่ที่คลอดโดยการผ่าคลอดนั้น ในระยะแรกจะยังอาบน้ำไม่ได้ เพราะจะทำให้แผลผ่าตัดเปียก อาจติดเชื้อ และเกิดการอักเสบได้ จึงต้องใช้วิธีเช็ดตัวประมาณ 7 วัน หลังจากหมอตัดไหมแล้ววันรุ่งขึ้นก็อาบน้ำได้ ถ้าเย็บไหมละลายก็รอจนครบ 6 – 7 วัน เปิดแผลแล้วก็อาบน้ำได้เลยตามปกติ แต่หลังอาบน้ำให้ใช้เพียงผ้าสะอาดธรรมดาเช็ดแผล ไม่จำเป็นต้องใช้แอลกอฮอล์ และไม่ต้องไปทำแผลใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนสะเก็ดที่ติดอยู่ที่แผลก็ไม่ควรแกะออก ควรปล่อยให้ลอกไปเองจะดีกว่า (ในปัจจุบันโรงพยาบาลบางแห่งจะให้ใช้ผ้า และพลาสเตอร์ปิดแผลชนิดกันน้ำได้ 2 วัน หลังผ่าตัดคุณแม่ก็อาบน้ำได้ตามปกติ พอครบ 6 – 7 วันหลังผ่าตัดก็เปิดผ้าเปิดแผลออก ถ้าแผลแห้งสนิทดีก็ไม่ต้องปิดแล้ว)

ในกรณีที่คุณแม่มีความจำเป็นต้องขึ้นลงบันได เช่น ห้องนอนที่อยู่ชั้นบน คุณแม่สามารถค่อย ๆ เดินขึ้นลงบันไดได้โดยใช้ความระมัดระวังในระยะแรก โดยให้คุณพ่อช่วยประคองไว้ ภายใน 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด ก็สามารถขึ้นลงบันไดได้ค่อนข้างปกติแล้ว คุณแม่จึงไม่ต้องกลัวว่า แผลผ่าตัดจะอักเสบ หรือเกิดแผลแยก เพราะคุณหมอเย็บแผลไว้หลายชั้น และบางชั้นก็ใช้ไหมที่ละลายช้า อาจอยู่นานเป็นเดือน ซึ่งพอถึงเวลานั้นแผลก็หายเป็นปกติแล้ว ความจริงแล้วการขึ้นลงบันไดจะใช้กำลังของขาทั้งสองข้างเป็นส่วนใหญ่ โดยมีมือช่วยเกาะราวบันไดเพื่อทรงตัว และผ่อนแรงบ้าง กล้ามเนื้อของผนังหน้าท้องจึงถูกใช้งานน้อยมาก แต่ถ้าเจ็บแผล และสามารถย้ายมานอนชั้นล่างชั่วคราวก่อนจนกว่าจะแข็งแรงก็จะช่วยได้มาก

ในช่วงพักฟื้นหลังคลอด คุณแม่ควรได้รับโภชนาการที่เพียงพอเพื่อให้แผลหายเร็ว และเตรียมสารอาหารสำหรับสร้างน้ำนมให้ลูกต่อไป ซึ่งอาหารแสลงหลังคลอดนั้น คงมีแต่เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และอาหารรสจัดเกินไปเท่านั้น มีความเชื่อผิด ๆ ที่ว่า อาหารบางชนิดเป็นอาหารแสลงต่อแผลผ่าตัด เช่น ไข่แดงทำให้แผลไม่เรียบ หรือข้าวเหนียวทำให้แผลเป็นหนอง ซึ่งความจริงแล้วอาหารเหล่านี้ล้วนแต่มีคุณค่าทางโภชนาการ คุณแม่ควรได้รับโภชนาการให้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อที่ร่างกายจะได้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม

ควรอยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพราะอากาศที่ร้อนจะทำให้เหงื่อออกมาก และเกิดการอับชื้นบริเวณแผล

คุณแม่ไม่ควรยกของหนัก หรือทำกิจกรรมที่เป็นการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง เพราะอาจจะทำให้เจ็บแผลได้ รวมถึงการหลีกเลี่ยงท่าบริหารที่อาจเป็นอันตรายกับแผล และไม่ฝึกท่ายืดกล้ามเนื้อจนกว่าแผลจะหายสนิท ถ้าคุณแม่มีแผลฉีกขาดควรรีบไปพบแพทย์

สำหรับคุณแม่ที่คลอดลูกคนที่ 2 หลังการผ่าคลอดใหม่ ๆ ควรให้คุณพ่อทำหน้าที่อุ้มลูกไปก่อนเพื่อไม่ให้เกิดการเสียดสีที่แผลมากเกินไป

เวลานอนคุณแม่ควรปรับหัวเตียงให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้แผลตรงหน้าท้องหย่อนไม่ตึง จะได้ไม่เจ็บแผลมาก ส่วนเวลาจะลุกจะนั่งจากเตียงก็ให้ใช้วิธีตะแคงตัว แล้วค่อย ๆ ใช้มือยันตัวลุกขึ้นในท่าตะแคง

คุณแม่ที่คลอดโดยการผ่าคลอดก็ควรรอให้ครบ 20 วันก่อนแล้วจึงเริ่มบริหารร่างกายได้ ไม่ต้องรอให้นานกว่านี้ เพื่อให้ร่างกายกลับมากระชับเหมือนเดิมได้อย่างรวดเร็ว

หากแผลที่เย็บมีอาการอักเสบ บวม แดง และมีอาการปวดมากขึ้น หรือมีหนอง มีกลิ่นเหม็น คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์ก่อนนัดเสมอ

สำหรับการดูแลตัวเองของคุณแม่ผ่าคลอดในเรื่องอื่น ๆ นั้นจะเหมือนกับคุณแม่ที่คลอดตามปกติทางช่องคลอด เช่น การทำความสะอาด อาหารการกิน การดูแลเต้านม การคุมกำเนิด การมีเพศสัมพันธ์ การตรวจร่างกายหลังคลอด การทำงาน ฯลฯ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *