โรคอ้วนในเด็ก Childhood Obesity/Pediatric Obesity เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากการได้รับสารอาหารโดยเฉพาพลังงานมากเกินกว่าที่ร่างกายจะใช้ได้หมด ทำให้เหลือพลังงานเก็บในรูปของไขมันสูง ซึ่งมีข้อเท็จจริงที่ยอมรับกันทั่วโลก คือ ภาวะอ้วนตั้งแต่เด็ก เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีพ่อแม่ หรือคนในครอบครัวเป็นเบาหวานด้วย จะยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานมากขึ้น รวมเด็กอ้วนมีต้นคอและรักแร้ดำเป็นปื้นหนานั้น บ่งบอกถึงความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน โรคเบาหวานเป็นโรคที่ไม่หายขาด เพราะฉะนั้นควรรีบป้องกันก่อนที่จะเป็นโรคประจำตัวตลอดชีวิต ปัจจุบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีเด็กและวัยรุ่นที่มีโรคอ้วนหรือภาวะโภชนาการเกินเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประเทศ
ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เด็กอ้วน
- การกินอาหาร ปัจจุบันมีการกินอาหารฟาสต์ฟู้ด เช่น แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า ไก่ทอด มากขึ้น เนื่องจาก สะดวก หาซื้อง่าย รสชาติอร่อย พ่อแม่เร่งรีบไม่มีเวลาที่จะประกอบอาหารเอง ต้องกินอาหารนอกบ้าน หรืออาหารถุง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีไขมันและแป้งมาก ทำให้มีการสะสมของพลังงานมากและทำให้อ้วน
- วิถีการดำรงชีวิต (Life style) ปัจจุบันการดำเนินชีวิตประจำวัน มีการออกกำลังกายลดลง ใช้ยานพาหนะและสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มมากขึ้น มีกิจกรรมกลางแจ้งหรือกีฬาลดลง แต่มีการเล่นเกม ดูโทรทัศน์ การใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการเผาผลาญพลังงานน้อยลง ทำให้อ้วนที่สุด
เด็กอ้วนมีความเสี่ยงต่อโรคอื่น ๆ อีกมากมาย
- กลุ่มอาการเมตาบอลิก (metabolic syndrome) ได้แก่ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือด หัวใจตีบตัน ซึ่งสามารถมีอาการได้ตั้งแต่วัยเด็ก หรือวัยรุ่น และคงอยู่หรือรุนแรงขึ้นเมื่อเป็นผู้ใหญ่
- โรคระบบหายใจ ได้แก่ นอนกรน ทางเดินหายใจอุดกั้น ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการทำงานของหัวใจและปอดที่ผิดปกติ
- โรคทางข้อและกระดูก ได้แก่ ปวดเข่าและสะโพก ทำให้การทำงานของตับผิดปกติ
- ปัญหาทางจิตและสังคม เด็กและวัยรุ่นที่อ้วนจะทำให้มีบุคลิกภาพที่ไม่ดี โดนเพื่อนล้อ บางคนมีต้นคอและรักแร้ดำคล้ำเป็นปื้นหนาคล้ายขี้ไคล แต่ขัดไม่ออก
จะดูแลเด็กอ้วนอย่างไร
- การควบคุมอาหาร เพื่อลดปริมาณพลังงานที่ร่างกายได้รับ แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรจำกัดอาหารและพลังงานมากเกินไป คือ พลังงานที่ให้ควรอยู่ระหว่างวันละ 1,200 – 1,500 กิโลแคลอรี่ ในเด็กอายุ 6 – 12 ปี และมีหลักการทั่วไป ดังนี้
- กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ อย่างน้อยวันละ 5 ส่วน เพราะผักและผลไม้ส่วนมากไม่มีไขมันหรือมีน้อย และให้พลังงานน้อยมาก เช่น แครอท เห็ด มะเขือเทศ ถั่วแขก บร็อคโคลี่ คะน้า ผักใบเขียวต่าง ๆ
- กินอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ธัญพืช ถั่ว จะช่วยทำให้อิ่มเร็ว
- กินอาหารที่มีแคลเซียมให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำมาก ๆ ประมาณ 6 – 8 แก้วต่อวัน ดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนกินอาหารจะทำให้รู้สึกอิ่มได้ส่วนหนึ่ง
- ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้มากเกินไป เช่น ในเด็กอายุ 1 – 6 ปี ไม่ควรดื่มเกินวันละ 120 – 150 ซีซี และในเด็กอายุ 7 – 18 ปี ไม่ควรดื่มวันละ 240 – 360 ซีซี
- ควรลดหรืองดการดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม ทุกชนิด
- ไม่ควรกินอาหารที่มีแป้ง ไขมัน และน้ำตาลมาก เลือกกินอาหารที่ไม่มีไขมัน หรือมีไขมันต่ำ เช่น ผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันต่ำ คือ นมพร่องมันเนย เลาะหนังไก่ออกก่อนปรุง เลือกเนื้อแดงที่เลาะมันออกแล้ว
- การปรับพฤติกรรมการกินอาหาร
- กินอาหารให้ครบวันละ 3 มื้อ ไม่ใช่วิธีงดมื้อใดมื้อหนึ่ง เพราะจะทำให้หิวมาก กินมากในมื้อถัดไป
- อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ การงดอาหารมื้อเช้า อาจทำให้อ้วนได้
- เลือกชนิดของอาหารว่าง โดยพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาล หรือไขมันมาก เช่น มันฝรั่งทอดกรอบ ไอศกรีม ลูกกวาด คุ้กกี้ เค้ก น้ำอัดลม ช็อกโกแลต ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง สังขยา
- ลดการกินอาหารนอกบ้าน เพราะทำให้เพิ่มความเสี่ยงที่จะอ้วนได้มาก เนื่องจาก เลือกกินอาหารที่ชอบได้หลาย ๆ อย่าง จึงทำให้เจริญอาหาร และมักจะตบท้ายด้วยของหวาน และไอศกรีม
- การออกกำลังกายและกิจกรรม
- ลดการโทรทัศน์ คือ ไม่ควรเกินวันละ 1 – 2 ชั่วโมง รวมทั้งลดการเล่นเกม และคอมพิวเตอร์
- ออกกำลังกายหนักปานกลางอย่างน้อยวันละ 30 – 60 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ โดยเริ่มจากน้อย ๆ ก่อนในเด็กที่อ้วนมาก
- ส่งเสริมให้มีกิจกรรมการออกกำลังกายของครอบครัว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เด็ก และสร้างพฤติกรรมปลูกฝังให้เด็กรักการออกกำลังกาย เป็นกิจวัตรประจำวัน ทั้งนี้แล้ว การที่จะประสบความสำเร็จในการควบคุมน้ำหนักของเด็กอ้วน จะต้องประกอบไปด้วย ความร่วมมือของตัวเด็กเองและครอบครัว เพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและปัจจัยต่าง ๆ
ตัวอย่างปริมาณและแคลอรี่ในอาหารต่าง ๆ จากอาหารประเภทต่าง ๆ
อาหาร | ปริมาณ | กิโลแคลอรี่ |
ข้าวสุก | 1 ทัพพี | 68 |
ขนมปังกรอบ (สี่เหลี่ยม) | 2 แผ่น | 68 |
คอร์นเฟลค | 1 ถ้วยตวง | 100 |
ข้าวโพด | 1 ฝัก | 130 |
ผัดผักคะน้าน้ำมันหอย | 1 จาน | 70 |
ผัดถั่วงอกกับน้ำมัน | 1 จาน | 70 |
สลัดผัก (น้ำใสไม่ใส่น้ำตาล) | 1 จาน | 61 |
แอปเปิ้ล | 1 ผล | 40 |
น้ำส้มคั้น | ½ ถ้วย | 40 |
กะทิ | 1 ช้อนโต๊ะ | 45 |
น้ำมันทุกชนิด | 1 ช้อนชา | 45 |
นมสด | 1 กล่อง | 167 |
นมสดยูเอชที | 1 กล่อง | 177 |
นมพร่องมันเนย | 1 กล่อง | 140 |
นมพาสเจอไรส์ | 1 ถุง | 142 |
นมถั่วเหลือง | 1 กล่อง | 110 |
นมผง | 1/3 ถ้วยตวง | 170 |
ไข่ดาวน้ำมัน | 1 ฟอง | 125 |
ไข่เจียว | 1 ฟอง | 253 |
โยเกิร์ต (ไม่มีน้ำมัน) | 1 ถ้วย | 72 – 80 |
โยเกิร์ตรสผลไม้ (ไม่มีไขมัน) | 1 ถ้วย | 140 |
ขอขอบคุณที่มาบทความ กินได้กินดี จาก https://www.rama.mahidol.ac.th/atrama/sites/default/files/public/pdf/column/@Rama8_E05.pdf