โรคอ้วน คือ การสะสมของไขมันในปริมาณมากเกินไปในร่างกายจนเกิดผลเสียต่อสุขภาพ โรคอ้วนเกิดจากการได้รับพลังงานจากการรับประทานมากเกินความต้องการของร่างกาย และมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่น้อย โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง คือ การเลี้ยงดูของครอบครัว และสิ่งแวดล้อม
การสำรวจเด็กไทยที่อ้วนในช่วงอายะ 1 – 2 ปี มีความเสี่ยงจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่มีภาวะอ้วนเป็น 2 เท่าของเด็กวัยเดียวกันที่ไม่อ้วน และถ้าเด็กยังคงอ้วนถึงอายุ 3 – 5 ปี โอกาสเติบโตเป็นผู้ใหญ่อ้วนเพิ่มขึ้นเป็น 8 เท่า[1]
การสำรวจพฤติกรรมการบริโภคของเด็กไทย พ.ศ. 2560 พบว่า เด็กไทยอายุ 6 – 14 ปี บริโภคขนมกรุบกรอบ อาหารประเภททอด รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีรสหวาน เป็นจำนวนมาก และจากการสำรวจสุขภาพประชากรไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 5 พ.ศ. 2557 พบว่า เด็กไทยอายุ 6 – 14 ปี มีพฤติกรรมนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์มากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน และนั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์มากกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ อาจส่งผลให้เด็กเกิดโรคอ้วน
ภาวะแทรกซ้อนของโรคอ้วน
- ผิวหนัง มีรอยสีดำคล้ำบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ แสดงถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน
- ระบบทางเดินหายใจ นอนกรน อาจมีการหยุดหายใจขณะหลับ เนื่องจาก มีไขมันสะสมรอบทางเดินหายใจ ส่งผลให้มีออกซิเจนในเลือดต่ำ นอนหลับไม่สนิทในช่วงกลาง คือ ทำให้ง่วงหลับช่วงกลางวัน เรียนไม่รู้เรื่อง สมาธิสั้น การรักษาประคับประคอง คือ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจขณะนอนหลับ
- กระดูกและข้อ สะโพก ต้นขา และเข่ามีการผิดรูป เนื่องจาก น้ำหนักตัวที่มากเกินจะกดลงบนข้อ และกระดูก ทำให้มีอาการปวดข้อ ท่าเดินผิดปกติ ความยาวขาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน การรักษา ประกอบด้วย การใส่กายอุปกรณ์และการผ่าตัด
- ภาวะแทรกซ้อนอื่น โรคไขมันในเลือดผิดปกติ ความดันเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ไขมันพอกตับ ทำให้ตับอักเสบและตับแข็ง โรคไต โรครังไข่เป็นถุงน้ำ ความดันในสมองสูงขึ้น การขาดแร่ธาตุและวิตามิน
การดูแลเด็กที่เริ่มอ้วนหรือเป็นโรคอ้วน
การดูแลเด็กที่เริ่มอ้วนหรือเป็นโรคอ้วน ประกอบด้วย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 3 ด้าน ได้แก่
- การรับประทานอาหารให้เหมาะสม
- การเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกาย
- การลดพฤติกรรมแน่นิ่ง
โดยในบทความนี้ จะอธิบายถึง “การรับประทานอาหารให้เหมาะสมสำหรับเด็กโรคอ้วน” เท่านั้น
การรับประทานอาหารให้เหมาะสม มีหลักการ ได้แก่
- การลดอาหารพลังงานสูง คือ อาหารที่มีส่วนประกอบของไขมัน น้ำตาล แป้ง
- การลดอาหาร และเครื่องปรุงที่มีเกลือ (หรือโซเดียม) สูง
- การเพิ่มอาหารพลังงานต่ำ
ทั้งนี้ การรับประทานอาหารให้เหมาะสม ประกอบด้วย
- การหลีกเลี่ยงวิธีปรุงอาหารด้วยน้ำมันและไขมัน โดยเลือกใช้วิธีต้ม นึ่ง อบ ปิ้ง ย่าง แทนการทอด และหลีกเลี่ยงอาหารที่มี กะทิ เนย และเนยเทียม เป็นส่วนประกอบ
- การลดการรับประทานไขมันจากนม และผลิตภัณฑ์จากนม โดยเลือกดื่มนมรสจืดพร่องมันเนย หรือนมรสจืดขาดมันเนย รวมทั้งโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ชนิดไขมันต่ำ และไขมัน 0% และหลีกเลี่ยงนมเปรี้ยว นมรสหวาน และนมถั่วเหลือง เนื่องจาก มีน้ำตาลสูง
- การเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ไม่ติดไขมัน หรือมีไขมันต่ำ เช่น เนื้อไก่ส่วนอก ปลา หมูเนื้อแดง
- การหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เช่น กุนเชียง ไส้กรอกหมู ไส้กรอกไก่ หมูยอ แฮม เบคอน ซี่โครงหมูติดมัน เนื้อหมูติดมัน ไส้อั่ว และหลีกเลี่ยงการรับประทานหนังสัตว์
- การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีรสหวาน เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำผลไม้สำเร็จรูป น้ำชาเขียวพร้อมดื่ม และเครื่องดื่มที่มีการเติมน้ำตาลทราย หรือน้ำเชื่อม หรือนมข้นหวาน เป็นต้น
- การหลีกเลี่ยงอาหารว่างที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ขนมหวาน ไอศกรีม ช็อคโกแลต มันฝรั่งทอด โดนัท พิซซ่า ขนมน้ำกะทิ ขนมถุง ผลไม้ดอง เป็นต้น
- เด็กควรเลือกรับประทานอาหารว่างที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสม เช่น นมรสจืดพร่องมันเนย นมรสจืดขาดมันเนย ขนมที่ไม่หวานจัด ไม่เค็ม และไม่มันจนเกินไป ผลไม้สดรสไม่หวานจัด โดยไม่รับประทานเครื่องจิ้มต่าง ๆ เช่น น้ำตาลพริก เกลือ กะปิหวาน น้ำปลาปวาน ผงบ๊วย เป็นต้น
- ตัวอย่างอาหารว่างที่ควรรับประทาน
- ผลไม้รสไม่หวานจัด อาทิเช่น แอปเปิ้ล ชมพู่ ฝรั่ง สาลี่ กล้วยน้ำว้า ส้ม
- การหลีกเลี่ยงอาหารจานเดียวที่มีไขมันและพลังงานสูง เช่น
- ข้าวขาหมู (690 กิโลแคลอรี)
- ผัดซีอิ้ว (658 กิโลแคลอรี)
- ข้าวมันไก่ (596 กิโลแคลอรี)
- ข้าวมันไก่ทอด (557 กิโลแคลอรี)
- ข้าวผัก (561 กิโลแคลอรี)
- ข้าวไข่เจียว (440 กิโลแคลอรี)
- ข้าวหมกไก่ (481 กิโลแคลอรี)
- ข้าวราดผัดกระเพราไก่ ไข่ดาว (545 กิโลแคลอรี)
- ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ (603 กิโลแคลอรี)
- ผัดไทย (557 กิโลแคลอรี)
- สปาเกตตี้คาโบนาร่า (470 กิโลแคลอรี)
- ผัดมักกะโรนี (536 กิโลแคลอรี)
- การเพิ่มการรับประทานผักในอาหารทุกมื้อ เนื่องจาก ผักมีพลังงานต่ำ มีเส้นใยอาหาร ซึ่งจะทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว รับประทานอาหารอื่นได้น้อยลง และผักมีวิตามินและแร่ธาตุ
พฤติกรรมการรับประทานอาหาร ครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยน ดังนี้
- ผู้ใหญ่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการเลือกรับประทานอาหารที่ถูกต้อง
- การจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้เหมาะสมโดยไม่มีการกักตุนน้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ ขนมหวาน
- การให้กำลังใจและชมเชยเมื่อเด็กมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกต้อง
- การไม่ให้อาหารเป็นรางวัลแก่เด็กที่มีภาวะอ้วน
ขอขอบคุณที่มาบทความ “คำแนะนำการบริโภคอาหารสำหรับเด็กโรคอ้วน” โดยสาขาวิชาโภชนาการ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
[1] ลัดดา เหมาะสุวรรณ, 2548. การให้อาหารเด็ก 1 – 5 ขวบ.ในสาหรี่ จิตตินันท์ และลัดดา เหมาะสุวรรณ (บรรณาธิการ), แนะแนวการอบรมเลี้ยงดูเด็ก จากแรกเกิดถึง 5 ปี (หน้า 131 – 146). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์กรุงเทพเวชสาร.