โรคขาดสารอาหารในเด็กแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่
- โรคขาดโปรตีนและพลังงาน (Protein – caloric malnutrition: PCM)
- โรคขาดวิตามิน (Vitamin deficiency)
- โรคขาดสารไอโอดีน
โรคขาดโปรตีนและพลังงาน Protein energy malnutrition : PEM หรือ Protein – caloric malnutrition : PCM
สาเหตุของโรคขาดโปรตีนและพลังงาน
- ทารกไม่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมมารดา หรือได้รับน้อยกว่า 6 เดือน
- ทารกและเด็กได้รับอาหารเสริมไม่เพียงพอ
- ปัจจัยอื่น ๆ เช่น การเลี้ยงดู
โรคขาดโปรตีนและพลังงาน แบ่งออกเป็น 3 โรค คือ
- Kwashiorkor คือ ภาวะที่เด็กขาดสารอาหารโปรตีน
- Marasmus คือ ภาวะที่เด็กขาดสารอาหารที่ให้พลังงาน หรือแคลอรี่
- Marasmi kwashiorkor คือ ภาวะที่เด็กขาดทั้งสารอาหารโปรตีนและพลังงาน
Kwashiorkor ภาวะที่เด็กขาดสารอาหารโปรตีน
การขาดสารอาหารโปรตีนส่วนใหญ่ พบในเด็กอายุมากกว่า 1 ปี ลักษณะเด่นที่พบ คือ อาการบวมที่ปลายเท้า ใบหน้า หรืออาจพบอาการบวมทั้งตัว อาจพบกล้ามเนื้อเหี่ยวลีบ น้ำหนักน้อยแต่ไม่เตี้ย ซึมเศร้า หงุดหงิดชัดเจน ผิวหนังบางแตกเป็นแผลสีกะดำกะด่าง ผมบางสีซีด เปราะ ร่วงง่าย หน้ากลม ตับโต
การเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีและพยาธิวิทยาที่ตรวจพบ
- Albumin ใน plasma ต่ำ
- Amino acid ใน plasma สูง
- Urea/Cr ในปัสสาวะ ต่ำ
- Hydroxyprotein ในปัสสาวะ ต่ำ
- ซีดจากการขาดเหล็กและโพเลตร่วมด้วย
- ตับมีไขมันสะสมมาก
Maramus ภาวะที่เด็กขาดสารอาหารที่ให้พลังงาน หรือแคลอรี่
เป็นภาวะที่เด็กขาดสารอาหารที่ให้พลังงานหรือแคลอรี่ ส่วนใหญ่พบในเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ลักษณะที่เด่นชัดจะไม่มีอาการบวม มีไขมันใต้ผิวหนังน้อยทำให้มีลักษณะ “หนังหุ้มกระดูก” กล้ามเนื้อลีบรุนแรง น้ำหนักน้อยกว่าปกติ ผิวเหี่ยว
การเปลี่ยนแปลงทางชีวิเคมีและพยาธิวิทยาที่ตรวจพบ
- Albumin ใน plasma ปกติ/ต่ำเล็กน้อย
- Amino acid ใน plasma ปกติ
- Urea/Cr ในปัสสาวะ ปกติ/ต่ำเล็กน้อย
- Hydroxyprotein ในปัสสาวะ ต่ำ
- ไม่มีภาวะซีด
- ตับปกติ
Marasmic kawashiokor ภาวะที่เด็กขาดทั้งสารอาหารโปรตีนและพลังงาน
เป็นภาวะที่เด็กขาดทั้งสารอาหารโปรตีน และสารอาหารที่ให้พลังงาน มักพบในเด็กอายุมากกว่า 1 ปี ลักษณะที่เด่นชัด คือ ใบหน้า ท้องและปลายมือปลายเท้าบวมคล้ายขาดโปรตีน สีผิวและผมซีด ผอมไขมันใต้ผิวหนังน้อย ทำให้มีลักษณะ “หนังหุ้มกระดูก” กล้ามเนื้อลีบรุนแรงบริเวณแขนท่อนบน ไหล่ และหน้าอก น้ำหนักน้อยกว่าปกติ
ระดับภาวะโภชนาการต่อโรคขาดสารอาหาร
- การขาดสารอาหารในเด็ก ระดับ 1 ไม่พบอาการผิดปกติใด ๆ นอกจากน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
- การขาดสารอาหารในเด็ก ระดับ 2 จะพบว่ามีการเติบโตช้า มีการติดเชื้อง่าย ซีด และเด็กจะมีพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจล่าช้า
- การขาดสารอาหารในเด็ก ระดับ 3 จะพบอาการของทั้ง Kwashiokor, Marasmus และ Marasmickwashiokor
การพยาบาลเด็กขาดโปรตีนและพลังงาน
- ดูแลให้ได้รับอาหารอย่างเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
- ถ้าขาดอาหารรุนแรงร่วมกับท้องเสีย ระยะแรกให้ NPO แต่ให้ IV แทน เมื่ออาการดีขึ้นให้อาหารเหลว อ่อน พลังงาน 25 Kcal/kg/day Protein 1 gm/kg/day และเพิ่มปริมาณทุกวัน
- ระยะที่ 2 ให้อาหารพลังงานสูง 150 – 200 Kcal/kg/day โปรตีน 4 – 5 gm./kg/day
- ระยะสุดท้าย ติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดเมื่อ Pt กลับบ้าน เมื่อน้ำหนักใกล้เคียงปกติ ควรให้อาหารเช่นเดียวกับเด็กปกติ
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ ภาวะ Eectrolyte imbalance
- ดูแลให้วิตามิน และแร่ธาตุตามแผนการรักษา
- ส่งเสริมหรือกระตุ้นพัฒนาการเด็กตามวัย
- แนะนำบิดามารดาเกี่ยวกับการเลี้ยงดู เรื่องโภชนาการและการดูแลสุขภาพ
โรคขาดไอโอดีน
Iodine : เป็นสารที่จำเป็น เป็นส่วนประกอบของ Thyroid hormone (Thyroxine hormone) ทำหน้าที่ และเสริมความเจริญเติบโตตามปกติของสมองประสาท และเนื้อเยื่อของร่างกาย
ความผิดปกติของการขาด lodine
- ทารกในครรภ์ แท้ง ตาย อัตราตายของแม่ในการคลอดสูง
- หากเด็กรอดชีวิต และเมื่อโตขึ้น ก็จะมีอาการ ใบ้ หูหนวก มีอาการทางประสาท ปัญญาเสื่อม ร่างกายจะมีอาการขาแข็ง ตาเหล่ กระตุก และร่างกายแคระแกรน
- ทารกแรกเกิด การทำหน้าที่ของต่อมธัยรอยด์ต่ำกว่าปกติแต่กำเนิด มีอัตราป่วยและตายสูง
- เด็กและวัยรุ่นมีความเจริญทางสมองสติปัญญา และการเจริญเติบโตทางร่างกายช้า เป็นคนปัญญาอ่อน ซึ่งศัพท์ทางภาคเหนือเรียกว่า “เอ๋อ”
การป้องกันการขาดไอโอดีน
- ทารกในครรภ์ ให้มารดารับประทานอาหารที่มีไอโอดีนสูง ได้แก่ อาหารทะเล อาหารเสริมไอโอดีน
- ทารกแรกเกิด เจาะเลือดที่ส้นเท้า (หลังคลอด 48 ชั่วโมง) ตรวจหาระดับ Thyroid hormone ต่ำและรีบให้ lodine รักษาภายใน 2 เดือนแรก
- เด็กและวัยรุ่น รับประทานอาหารที่มีไอโอดีนสูง เช่น อาหารทะเล อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง