โรคขาดวิตามิน B3

Vitamin B3: Niacin (nicotinic acid) เป็นวิตามินตัวเดียวที่ร่างกายสังเคราะห์ได้จากกรดอะมิโน คือ Tryptophan ในอัตราส่วน Tryptophan 60 มก. ต่อไนอาซิน 1 มก. มีหน้าที่ช่วยในการเผาผลาญ อาหารประเภทโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ช่วยในการไหลเวียนของโลหิตภายในร่างกาย ช่วยลดระดับไขมันในโลหิต ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาทให้เป็นปกติ ควบคุมรักษาสุขภาพของผิวหนัง ลิ้น และเนื้อเยื่อในระบบการย่อย ช่วยในการสังเคราะห์ฮอร์โมนสืบพันธ์ (Reproductive Hormone) ช่วยให้จุลินทรีย์ในลำไส้เจริญได้ดี หากร่างกายขาดวิตามินบี 3 จะทำให้เกิดโรคเพลลากรา (Pellagra)

อาการของโรคขาดวิตามิน B3

ระยะแรกจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย ต่อมา จะมีอาการเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ผิวหนังและประสาท

  • อาการโรคขาดวิตามินบี3 จะมีอาการเกี่ยวกับทางเดินอาหาร มีการเบื่ออาหาร ปาก ลิ้น จะอักเสบ ลิ้นจะแดงบวม จะมีอาการปวดท้องและท้องเดินร่วมด้วย (diarrhea) ซึ่งความผิดปกติที่ปากและลิ้นจะมีอาการคล้ายคนที่ขาดวิตามินบีสอง
  • อาการโรคขาดวิตามินบี3 จะมีอาการทางผิวหนัง (dermatitis) คือ ผิวหนังจะอักเสบในแบบเดียวกันทั้งสองข้างของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่ร่างกายถูกแสงแดด และความร้อน เช่น ที่หน้า มือ แขน ลำคอ และเท้า ซึ่งในตอนแรกจะมีลักษณะเป็นผื่นแดงคล้ายกับถูกแดดเผา ถ้าไม่รีบรับการรักษา ผิวหนังก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม จะมีการแห้งแตกเป็นเกล็ดและลอก ซึ่งถ้าถูกแสงแดด หรือถูกความร้อนก็จะทำให้ผิวหนังอักเสบมากขึ้น
  • อาการทางประสาท (neurologic symptom) ปวดมึนศีรษะ หงุดหงิด นอนไม่หลับ กังวล ซึมเศร้า ความจำเสื่อมและสับสน มีอาการแบบประสาทหลอนและถ้าเป็นมากอาจวิกลจริต (Dementia) การขาดไนอาซินอย่างมากนี้รวมเรียกว่า “Pellagra” ซึ่งอาการที่ปรากฏรวมเรียกว่า “4D’S” คือ
    • 1. ผิวหนังอักเสบนอกร่มผ้า (dermatitis)
    • 2. ท้องเสีย (diarrhea)
    • 3. อาการทางจิตและประสาท (dementia)
    • 4. ตาย (dead)

อาการเหล่านี้จะปรากฏหลังอาการแรกเริ่มประมาณ 5 เดือน

แหล่งของไนอาซิน พบในเนื้อไม่มีมัน เป็ด ไก่ ปลา ตับ วัว จมูกข้าวสาลี ข้าวสาลี ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วสด บริวเวอร์ยีสต์ และผักสีเขียวต่าง ๆ โดยเฉพาะผักชะอม ผักกระถิน มะแว้ง ใบชะพลู ใบทองหลาง ใบยอ และเห็ด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *