แนวทางการป้องกันการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่เพิ่งรู้จัก เพราะคนนั้นอาจจะเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อสูง เช่น มีคู่นอนหลายคน เป็นต้น
- ไม่เปลี่ยนคู่มีเพศสัมพันธ์บ่อย ๆ
- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย คือ สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อไม่ให้มีสารคัดหลั่งและของเหลวของคู่มาสัมผัสแล้ว และไม่สัมผัสกับแผลหรือร่องรอยโรคที่ผิวหนัง ให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่ร่วมเพศไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปาก นอกจากนี้ ยังป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีอีกด้วย
- สำรวจลักษณะการติดเชื้อบางอย่างที่พอสังเกตได้ เช่น ติ่งหูดหงอนไก่ หนองที่ท่อปัสสาวะ แผลที่อวัยวะเพศ ถ้าเห็นสิ่งเหล่านี้ ต้องปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ด้วยอย่างจริงจัง
โรคเอดส์
สาเหตุโรคเอดส์
เอดส์หรือโรคภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องเกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ Human Immunodeficiency Virus: HIV เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไปทำลายเม็ดเลือดขาว ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่องเป็นผลให้เป็นโรคติดเชื้อฉวยโอกาสและมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ อาการจะรุนแรงและเรื้อรังจนเสียชีวิตในที่สุด
การถ่ายทอดเชื้อเอดส์
การถ่ายทอดเชื้อมักอาศัยทางเลือด ทางน้ำอสุจิ และน้ำในช่องคลอด
ช่องทางการถ่ายทอดเชื้อเอดส์
- ทางเพศสัมพันธ์
- ทางเลือดและผลิตภัณฑ์ของเลือด
- จากมารดาสู่ทารกในครรภ์ ทารกมีโอกาสได้รับเชื้อจากมารดาที่ติดเชื้อได้ในระหว่างตั้งครรภ์ ระหว่างคลอดหรือการกินนมมารดา
แนวทางป้องกันเอดส์
- โดยทั่วไปมักคิดว่า ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ได้แก่ กลุ่มหญิงหรือชายอาชีพบริการทางเพศ และกลุ่มติดสารเสพติด จนทำให้ละเลยต่อกลุ่มบุคคลทั่วไป ซึ่งกลุ่มคนเหล่านั้นมีเพศสัมพันธ์กับแฟนคนเดียว หรือเพื่อนซึ่งดูสวยหล่อ แข็งแรง สะอาด เรียบร้อย ไม่เที่ยวสถานบริการ ไม่ใช้สารเสพติด จึงคิดว่า ไม่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี แต่กลุ่มคนเหล่านี้ไม่เคยรู้หรือเป็นการยากที่จะถามถึงประสบการณ์ทางเพศของคู่ในอดีตและอาจจะไม่รู้ว่า ทุกวันนี้คู่มีคนอื่นอยู่หรือเปล่า ฉะนั้นการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่ครอง จึงต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
- ไม่มีคู่นอนหลายคน รักษาและยึดมั่นค่านิยมที่ถูกต้อง เช่น รักเดียวใจเดียว
- ไม่ใช้เข็มและกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- หลีกเลี่ยงการดื่มสุราจนมึนเมา เพราะอาจชักนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
- ก่อนแต่งงาน ควรตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี หากพบว่า คนใดคนหนึ่งมีเลือดบวกควรพิจารณาหาทางป้องกันไม่ให้ถ่ายทอดเชื้อ และควรปรึกษากันว่า สมควรจะให้ตั้งครรภ์หรือไม่ รวมทั้งจะคุมกำเนิดอย่างไร
- การปฏิบัติทางเพศอย่างปลอดภัย ได้แก่ การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการสอดใส่
มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ของมะเร็งในผู้หญิงไทย รองมาจากมะเร็งเต้านมในแต่ละปีจะมีผู้หญิงไทยเป็นมะเร็งปากมดลูกประมาณ 10,000 คนหรือวันละ 27 คนและเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกประมาณ 5,200 คนหรือเฉลี่ยวันละ 14 คน ทั้ง ๆ ที่เป็นมะเร็งที่ป้องกันได้ร้อยละ 80 ของมะเร็งปากมดลูก
สาเหตุมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกทางการแพทย์พิสูจน์ทราบสาเหตุแน่นอนแล้วว่า เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ที่ชื่อ ฮิวแมน แพปพิลโลมาไวรัส เรียกย่อ ๆ ว่า HPV
ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส HPV
- ผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV ตราบใดที่มีเพศสัมพันธ์อยู่
- การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย การมีคู่นอนหลายคน การคลอดบุตรหลายคน
- การใช้ยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ผู้หญิงที่ไม่เคยตรวจภายในหรือแพปสเมียร์
การรักษามะเร็งปากมดลูก
- การผ่าตัด : ตัดก้อนมะเร็งออกทั้งหมด บางกรณีอาจต้องตัดมดลูก
- การทำเคมีบำบัด : ให้ยาทางเส้นเลือดหรือด้วยการรับประทานเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
- การฉายแสง : ฉายรังสีที่มีความเข้มสูงเพื่อตรงเข้าทำลายเซลล์มะเร็ง
การป้องกันมะเร็งปากมดลูก
วิธีที่ 1 หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
- งดรับเชื้อ (ไม่มีเพศสัมพันธ์)
- หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่ออายุยังน้อย
- ถุงยางอนามัยลดความเสี่ยงได้ แต่ไม่ 100%
วิธีที่ 2 ตรวจคัดกรองด้วย “วีไอเอ” หรือ “แพปสเมียร์”
- เพื่อตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง
- การตรวจพบแต่เนิ่น ๆ จะช่วยรักษาได้โดยเร็ว
- แนะนำให้ตรวจเป็นประจำทุกปี
วิธีที่ 3 ฉีดวัคซีนป้องกัน
การฉีดวัคซีนเอชพีวี (HPV vaccine) เพื่อเสริมสร้างให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสนี้ ก็จัดว่า เป็นการป้องกันเพราะภูมิคุ้มกันต่อเชื้อจะออกจากกระแสเลือดเข้ามาในมูกและสารคัดหลั่งของปากมดลูกและช่องคลอดทำให้เชื้อไม่สามารถเข้ามาติดเชื้อที่ปากมดลูกได้ วัคซีนมะเร็งปากมดลูกหรือวัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ (6, 11, 16, 18) ช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ ร้อยละ 70 – 80 ในส่วนที่เป็นผลมาจากการติดเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ที่สำคัญและป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ 100% หากได้รับวัคซีนก่อนมีเพศสัมพันธ์