หลักการบนบาน คือ กฎเกณฑ์ วิธีการบนบาน นั่นคือ การเลือกองค์เคารพที่จะบนบานและวิธีที่จะบนบานต่อองค์เคารพนั้น ๆ ในการคัดเลือกนี้ จะทำให้เรามุ่งหมายไปให้ถึงองค์เคารพที่จะบนบานนั้น ๆ เพราะว่า องค์เคารพนั้นโปรดให้สิ่งที่บนบานต่างกัน และโปรดได้เครื่องแก้บนก็ต่างกัน จะเห็นได้ว่า เราอยู่จังหวัดพิษณุโลก แทนที่เราจะบนบานขอบุตรกับพระพุทธชินราช แต่ต้องเดินทางไปจังหวัดฉะเชิงเทราเพื่อบนบานต่อหลวงพ่อโสธรเพื่อขอบุตร หลักการสำคัญของการบนบานมีอยู่ว่า เมื่อได้ตามที่ต้องการแล้ว จะต้องแก้บนบานนั้นด้วย มิฉะนั้น อาจจะผิดสัญญามีผลให้ประสบภัยพิบัติโดยไม่รู้ตัวได้
ดังนั้น การเลือกที่จะบนอะไรนั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับส่วนตัวที่จะเลือกเอง หลักการง่าย ๆ สำหรับการเลือกว่าจะบนอะไร ก็คือ ต้องเป็นเรื่องที่บนไปแล้วได้จริงเท่านั้น นอกจากนั้น ส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราจะไปบนด้วย ว่าท่านโปรดอะไรเป็นพิเศษ คนทั่วไปที่จะไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนก็ตาม มักจะบนในสิ่งที่รู้ว่าเจ้าในที่นั้น ๆ โปรดอะไร อีกอย่างหนึ่ง ก่อนจะไปบนบานศาลกล่าวที่ใดก็ตาม ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ต่อไปนี้
- ถ้าบนแล้วสำเร็จ ต้องรีบกลับไปแก้บนอย่างรวดเร็วที่สุด และทำตามที่บนบอกไว้ทุกอย่าง จะตัดทอน ขดลดโน่นลดนี่ไม่ได้
- สัญญากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้อย่างไร ต้องทำให้ได้อย่างนั้น มิฉะนั้น จะต้องธรณีศาล คือ ชีวิตหาความเจริญก้าวหน้าไม่ได้ ไปอธิษฐานบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นก็ไร้ผล
- เมื่อบนเรื่องใดก็ตามไว้ที่ศาลใดศาลหนึ่ง หรือวัดใดวัดหนึ่งแล้ว อย่าเอาเรื่องเดียวกันไปบนไว้ที่อื่นอีก บางคนบนไว้เป็นสิบเป็นร้อยศาล พอสำเร็จขึ้นมา ไม่รู้ว่า เป็นฝีมือของเจ้าองค์ไหน จำไม่ได้ซ้ำว่าไปบนไว้ที่ใดบ้าง เป็นเหตุให้ไปแก้บนไม่ครบ แบบนี้ต้องธรณีสารเช่นกัน
- เจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชอบการบนบาน คือ ผี เช่น เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ตามต้นไม้หรือวัตถุโบราณต่าง ๆ รวมทั้งเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่เคยเป็นอดีตกษัตริย์หรือบุคคลสำคัญมาก่อน นอกจากนั้น ก็มีเจ้าจีนหรือเทพจีนที่ชอบการบนมาก อธิษฐานขอเฉย ๆ บางทีก็ไม่ได้ผล ส่วนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นเทพในศาสนาฮินดู ก็มีพระนารายณ์ พระพิฆเนศ พระอุมา พระลักษมี พระพรหม พระอินทร์ พระวิษณุกรรม
ปัจจุบันในสังคมไทยดังนั้น มีหลักการเลือกองค์เคารพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะบนบานนี้ มีดังนี้
- พระพุทธชินราช ประชาชนนิยมบนบานเพื่อการเป็นทหาร การขอให้ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง วิธีบนบานโดยจุดธูป 3 ดอก และพวงมาลัย วิธีแก้บนให้แก้ตามคำกล่าว
- หลวงพ่อโสธร ประชาชนนิยมบนบานเพื่อขอบุตรและโชคลาภ วิธีบนบาน จุดธูป 16 ดอกและพวงมาลัย วิธีการแก้บน แก้ตามคำกล่าว
- ศาลหลักเมือง กรุงเทพฯ ประชาชนนิยมบนบานเพื่อขอความมั่นคงในหน้าที่การงาน วิธีบนบาน โดยจุดธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ผ้าแพร 3 สี ดอกบัว วิธีการแก้บน ถวายพวงมาลัยหรือผูกผ้า 3 สี
- พระพรหมเอราวัณ ประชาชนนิยมบนบานเพื่อประโยชน์ทางการค้าขาย การงาน การเรียน วิธีบนบาน โดยจุดธูป 12 ดอก นำดอกดาวเรืองไหว้ทั้ง 4 หน้าขององค์พระพรหม วิธีการแก้บน ให้แก้คำที่เคยกล่าวมาหรือรำแก้บน
- พระเจ้าตากสิน (วงเวียนใหญ่) ประชาชนนิยมบนบานเพื่อประโยชน์ทางการค้าขาย การงาน การเรียน การได้หนี้สินคืน (โดยมาจะเป็นเรื่องค้าขาย) วิธีบน จุดธูป 16 ดอก นำดอกมาลัย ดาวเรือง มาลัยมะลิดาวเรือง หากขอพรใช้ 9 ดอก วิธีการแก้บน ให้แก้คำที่เคยกล่าวมา หรือโดยการนำอาหารมาถวายท่าน
- ศาลเจ้าพ่อเสือ กรุงเทพฯ ประชาชนนิยมบนบานเพื่อประโยชน์ทางการค้าขาย เสริมวาสานาบารมี วิธีบนโดย จุดธูป 12 ดอก นำดอกกาวเรืองไหว้ทั้ง 4 หน้าขององค์ วิธีการแก้บน ให้แก้คนที่เคยกล่าวมา
- พระตรีมูรติ กรุงเทพฯ ประชาชนนิยมบนบานเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับความรัก วิธีบนบานเทียนแดง 1 เล่ม ธูป (ควรบนตั้งแต่เวลา 09.30 – 21.30 น.) วิธีการแก้บน ให้แก้คำที่เคยกล่าวมา หรือน้ำผลไม้ กุหลาบแดง มาลัยกุหลาบ เป็นต้น
สรุปว่า หลักการบนบาน บวงสรวงนี้ขึ้นอยู่กับองค์ที่เราบนบาน บวงสรวงว่า ท่านมีปฏิปทาในด้านใด โปรดสิ่งใดเป็นพิเศษ เช่น บนบานกับหลวงพ่อพระพุทธชินราช เพื่อหวังเกี่ยวทหาร การสอบผ่าน การเลื่อนยศ ตำแหน่ง บนบานกับพระหลวงพ่อโสธร เพื่อหวังบุตรและโชคลาภ เป็นต้น นอกจากนี้ เครื่องบนบานก็ต่างกันไปแต่ละสถานที่ เช่น หลวงพ่อพระพุทธชินราชก็จะมีทั้งรำแก้บน หัวหมู ไข่ต้ม ผลไม้ เป็นต้น หรือแม้เรื่องที่เราบนบานที่ไม่ใช้เครื่องสักการะอะไร ตัวอย่างจะบวชพระถาน หรือจะเป็นเจ้าภาพถวาย เป็นต้น ข้อสำคัญคือ ถ้าเป็นการบนบานแล้ว ต้องมีการแก้การบนบานนั้นตามสัญญา ต่างจากการขอพร ขอภาวนา ขออธิษฐานที่ไม่ต้องทำพิธีแก้บน