“ลัทธิแก้กรรม” ความหวังใหม่หรือสนิมเนื้อในของชาวพุทธ ทฤษฎีและหลักการแก้กรรม

“ฉันหันมาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังก็เริ่มมาจากเรื่องนี้”

อุบาสิกานักปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งพูดขึ้นด้วยความศรัทธา หลังจากเนื้อหาในบทสนทนาคาบเกี่ยวไปถึงเรื่อง “ลัทธิแก้กรรม”

อุบาสิกาท่านนี้เป็นชาวพุทธแท้ ๆ ไม่ใช่ชาวพุทธแบบไสยศาสตร์อย่างที่เธอเคยเป็นมาก่อน เธอเล่าให้ฟังต่อไปว่า แต่เดิม เธอก็เป็นชาวพุทธแค่เพียงปากพูดเท่านั้น เธอไม่เคยรู้อย่างถ่องแท้เลยว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร และไม่เคยสนใจที่จะรู้ จนเมื่อประสบปัญหาชีวิต เพื่อนของเธอจึงแนะนำให้ไปปรึกษากับสำนักแก้กรรมสำนักหนึ่ง และด้วยความหวังที่จะแก้ปัญหาชีวิตได้ เธอจึงไปตามคำแนะนำของเพื่อน

เมื่อได้รับคำแนะนำและวิธีแก้กรรมจากสำนักที่ว่านี้แล้ว เธอก็นำไปปฏิบัติอย่างจริงจังจนทำให้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตคลี่คลายลงไปได้ด้วยดี ในตอนนั้นเธอเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า เจ้าสำนักแห่งนี้มีญาณหยั่งรู้วิเศษเหนือธรรมชาติ สามารถพยากรณ์กรรม (เก่า) ของใครต่อใครได้จริง

เล่ามาถึงตรงนี้ เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อไปว่า เพื่อนของเธอหลายคนก็เชื่ออย่างที่เธอเชื่อ แต่ตัวเธอเองต่างออกไปจากเพื่อน ๆ เพราะเธอไม่ได้หยุดแค่ความศรัทธา เธอเริ่มคิดว่า อะไรทำให้ท่านเจ้าสำนักมีญาณวิเศษเหนือคนธรรมดา? แล้วญาณวิเศษที่ว่านี้มีอยู่จริงหรือไม่? เรื่องวิจิตรพิศดาลเช่นนี้ เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคยสอนสั่งจริงหรือไม่?

นี่คือ จุดเริ่มต้นที่ทำให้อุบาสิกาท่านนี้เริ่มศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับพุทธศาสนาอย่างจริงจัง จนทุกวันนี้ เธอได้รู้ในคำตอบที่เธอเคยสงสัยกลายเป็นชาวพุทธโดยสมบูรณ์แบบ เป็นชาวพุทธที่มีวิจารณญาณในเหตุและผล รู้ในหลัก “กาลามสูตร” กล่าวคือ ไม่ปลงใจเชื่ออะไรง่าย ๆ โดยไม่พิจารณาด้วยตนเองเสียก่อน

ถึงแม้การสนทนากับเธอจะทำให้เห็นมุมมองและทัศนคติอีกด้านหนึ่งเกี่ยวกับลัทธิแก้กรรม แต่จะมีสักกี่คนกันเล่าที่จะเป็นเช่นอุบาสิกาท่านนี้ คงจะมีชาวพุทธอีกไม่น้อยที่ชื่นชอบวิธีแก้กรรมแบบพุทธผสมไสยศาสตร์ เพราะดูเหมือนจะทำได้ไม่ยาก และไม่ต้องใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญหาเหตุผลเท่าใดนัก ขอเพียงแค่ทำตามพิธีกรรมต่าง ๆ ตามที่เจ้าสำนักสอนให้ทำ ชีวิตก็จะดีขึ้นทันที และปัญหาต่าง ๆ ก็จะคลี่คลายไปได้ เพราะอดีตกรรมเหล่านั้นได้รับการแก้ไขแล้ว

ทฤษฎีและหลักการแก้กรรมของสำนักแก้กรรมต่าง ๆ

อุบาสิกาท่านนี้เล่าต่อไปถึงหลักวิธีในการแก้กรรมที่สำนักแก้กรรมแห่งนั้นนำมาใช้กับสาวก ซึ่งก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับหลักวิธีของสำนักแก้กรรมสำนักอื่นเป็นอย่างมาก เมื่อได้ศึกษารวบรวมข้อมูล ความเชื่อ และกรรมวิธีในการแก้กรรมของสำนักแก้กรรมต่าง ๆ ก็ได้พบหลักการที่สำคัญบางอย่าง ดังนี้

1 ผู้ศรัทธา

คนที่เดินทางมาแก้กรรมตามสำนักแก้กรรมต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็คือ คนที่ประสบปัญหาชีวิต ปัญหาชีวิตที่ว่านี้ก็มีหลากหลาย ทั้งปัญหาส่วนตัว ปัญหาครอบครัว ปัญหาในหน้าที่การงาน ปัญหาที่หนักหนาสาหัสชนิดคอขาดบาดตาย ปัญหาที่ปลงไม่ตก แก้ไขไม่ได้ เรื่อยไปจนถึงปัญหาที่คนผู้นั้นเข้าใจว่า เป็นปัญหา ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ไม่น่าจะใช่ปัญหาแต่อย่างใด

2. เจ้าสำนัก

เจ้าสำนักทั้งหลายมักจะอ้างว่า ตนเองเป็น “ร่างประทับ” ของเทพเจ้าองค์ต่าง ๆ เช่น ร่างประทับของพระวิษณุ ร่างประทับของเจ้าแม่กวนอิม จึงอ้างต่อไปว่า ตนเองได้ญาณวิเศษมาจากเทพเจ้าองค์นั้น ๆ หรือในกรณีหนึ่ง เจ้าสำนักมักจะอ้างว่า ตนเองเป็นผู้มีพรสวรรค์หรือมีญาณวิเศษที่ได้ได้จากการทำสมาธิภาวนา แต่ไม่ว่าจะได้ญาณวิเศษมาด้วยเหตุอันใดก็ตาม เจ้าสำนักเหล่านั้นมักจะอ้างว่า ตนเองมีญาณทิพย์ที่สามารถมองเห็น “กรรมเก่า” ที่สาวกเคยกระทำในอดีตชาติ ถึงแม้เจ้าสำนักบางคนจะไม่พยากรณ์กรรมเก่าในอดีตชาติ แต่ก็มักจะอ้างว่า เทพเจ้าองค์นั้น ๆ รู้วิธีแก้กรรม จึงสามารถบอกให้สาวกแก้กรรมด้วยวิธีนั้น ๆ ได้

3. ปุพเพกตเหตุวาท

ทั้งผู้ศรัทธาและเจ้าสำนักแก้กรรมทั้งหลาย ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ชีวิตถูกลิขิตไว้ด้วยกรรมเก่า การที่ชีวิตประสบกับความสุขความทุกข์ (โดยเฉพาะความทุกข์ใจที่ตนเองกำลังได้รับ) ล้วนเป็นผลมาจากกรรมเก่า (กรรมชั่วที่ตนเองเคยทำไว้ในอดีตชาติ) ทั้งสิ้น โดยไม่คิดว่า ความทุกข์หรือปัญหาต่าง ๆ ที่ตนเองประสบอยู่นั้น บางอย่างก็เป็นผลมาจากกรรม (การกระทำ) ของตนเองในชาติปัจจุบัน ความเชื่อที่ว่า “ชีวิตถูกลิขิตด้วยกรรมเก่าทั้งสิ้น” นี้คือ ความเห็นที่เรียกว่า “ปุพเพกตเหตุวาท” หรือ “ลัทธิกรรมเก่า” ซึ่งเป็นความเห็นที่ผิดไปจากพุทธศาสนา

4. ความเชื่อเรื่องเจ้ากรรมนายเวร

สำนักแก้กรรมหลายแห่ง เชื่อว่า เจ้ากรรมนายเวรมีลักษณะ “เป็นตัวเป็นตน” คล้ายกับเป็นนิรยบาล ผู้มีหน้าที่จดบัญชีกรรมต่าง ๆ ที่มนุษย์ทุกคนได้กระทำไว้ ในขณะที่สำนักแก้กรรมอีกหลายแห่งตีความหมายของ “เจ้ากรรมนายเวร” ว่า หมายถึง “คู่เวร” หรือ “ผู้จองเวร” ซึ่งก็คือ บุคคลหรือสิ่งมีชีวิตที่เราเคยทำร้ายในกาลก่อน จึงอาฆาตแค้นและมุ่งหมายที่จะจองเวรกลับคืน

5. การติดต่อกับเจ้ากรรมนายเวร

ไม่ว่าสำนักแก้กรรมต่าง ๆ จะตีความหมายของ “เจ้ากรรมนายเวร” แตกต่างกันอย่างไร แต่ที่เหมือนกับแทบจะร้อยทั้งร้อยก็คือ ทุกสำนักล้วนแล้วแต่มีวิธีการที่จะติดต่อกับเจ้ากรรมนายเวรได้ ไม่ว่าเจ้ากรรมนายเวรจะเป็นใคร เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิใด และสามารถที่จะต่อรอง ผ่อนผัน ขอขมา หรือขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรได้ ด้วยเทคนิควิธีที่แตกต่างกันไป

6. พิธีกรรม

พิธีกรรม คือ องค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ สำหรับการแก้กรรม การประกอบพิธีกรรมอาจมีทั้งการสวดมนต์ การเขียนใบแก้กรรม ใบขอขมากรรม (แล้วเอาไปเสกหรือเผา) เป็นต้น พิธีกรรมเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ศรัทธาสัมผัสถึงความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นการเร้าอารมณ์ความรู้สึกของผู้ศรัทธาที่มีต่อการแก้กรรม

ที่มาบทความ แก้กรรมให้ถูกจุด ตามพระพุทธวจนะ และเทศนาแก้กรรมจากพระอริยะที่ชาวพุทธต้องอ่าน โดยวีระวัฒน์ ชลสวัสดิ์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *