พระพรหม (1)

“พระพรหม” เทพผู้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก พรหมเป็นหนึ่งในสาม “มหาเทพตรีมูรติ” ที่ยิ่งใหญ่ คือ พรหมเทพ วิษณุเทพ และศิวะเทพ พรหมเป็นบิดาของเทวดา ยักษ์ อสูร รากษส คนธรรพ์ ครุฑ นาค และมนุษย์ พรหมเป็นมหาเทพผู้สร้างและทำลายล้างโลกในคราวเดียวกัน พรหมเป็นที่บูชาของเทพ ยักษ์ รากษส และอสูรทั้งหลาย

  • สิ่งที่บุคคลควรรู้สูงสุด คือ “พรหม”
  • “พรหม” คือ สภาวะอันสูงสุด ไม่มีเบื้องต้น ไม่เป็นทั้งสิ่งมีอยู่ และสิ่งไม่มีอยู่
  • “พรหม” มีความหยั่งรู้อารมณ์แห่งความโลภ ความโกรธ ความหลง แต่กระนั้น “พรหม” ปราศจากอารมณ์เหล่านั้น
  • พรหมไม่มีความยึดมั่นในสรรพสิ่ง
  • “พรหม” คือ สภาวะอยู่เหนือความดี และความชั่ว
  • พรหมมิอาจหยั่งรู้ได้ด้วยการคิด และใช้เหตุผล
  • “พรหม” คือ แสงสว่างเหนือแสงสว่างทั้งปวง

ในปัจจุบัน ความเชื่อเรื่องพรหมถือว่า ชาวพุทธรับรู้เรื่องของพรหมผ่านคำสอนทางพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนบางส่วนเห็นว่า การบูชาพรหม คือ การบูชามารดา บิดา และบุคคลให้มีพรหมวิหารธรรมประจำใจ ย่อมชื่อว่า เป็น “พรหม” เพราะว่า พรหม คือ ผู้ประเสริฐ และผู้บริสุทธิ์  ซึ่งชาวฮินดูนิยมกราบไหว้ขอพรพระพรหม โดยเชื่อว่า “พระพรหมจะประทานพร ให้ประสบแต่ความเจริญก้าวหน้า”

การกำเนิดของ “พระพรหม”

  • คัมภีร์ปุราณะ กล่าวว่า พรหมกำเนิดในดอกบัว ซึ่งดอกบัวนี้ผุดขึ้นมาจากนาภีของพระวิษณุ พรหมเป็นผู้ลิขิตความเป็นทุกสรรพสิ่ง เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตมนุษย์ พรหมเป็นผู้รู้ความเคลื่อนไหวของสรรพชีวิต เหตุการณ์สำคัญของโลกอยู่ในสายตาของพรหม
  • คัมภีร์ศิวะปุราณะ กล่าวว่า พรหมทรงถือกำเนิดขึ้นมาโดยพระศิวะ ใช้พระหัตถ์ข้างหนึ่งลูบพระหัตถ์อีกข้างหนึ่ง พลันบังเกิดแสงขึ้นมาในพระหัตถ์ พรหมจึงถือกำเนิดออกมาจากแสง เหตุผลที่พระศิวะต้องสร้างโลก จึงให้กำเนิดพรหมขึ้นมาเพื่อภารกิจนี้
  • คัมภีร์อัคนิปุราณะ กล่าวว่า พรหมเป็นสิ่งที่ไม่ปรากฏ มีอยู่ในเบื้องต้น ไม่มีท้องฟ้า กลางวันและกลางคืน เริ่มต้นด้วยประกฤติ ปุรุษะ วิษณุปะปนอยู่ในสิ่งทั้งสอง เบื้องต้นของการสร้างโลกมีมหัต แล้วมีอหังการ ไวการิกา ไตชสะ ตามสะ ตามลำดับ อหังการเกิดอากาศ เป็นสื่อของเสียง อากาศช่วยในการได้ยินและเห็น รสเกิดจากส่วนเบื้องต้นของน้ำ กลิ่นเกิดจากแผ่นดิน ต่อมา พระวิษณุปรารถนาสร้างสัตว์ ตอนแรกสร้างน้ำ เรียกว่า “นารา” น้ำเป็นอายตนะ การเคลื่อนไหวของพระองค์ เรียกว่า “นารายณะ” แปลว่า ผู้เคลื่อนไหวในน้ำ ไข่ที่อยู่ในน้ำมีสีทอง พรหมเกิดอยู่ในนั้นด้วยตน เรียกว่า “สวยัมภู” มีชื่อว่า “หิรัณยะครรภ” ไข่แบ่งออกเป็นสองภาค ภาคหนึ่งเป็นสวรรค์ ภาคหนึ่งเป็นโลก
  • คัมภีร์ครุฑปุราณะ กล่าวว่า วิษณุเทพเป็นผู้สร้างพรหมเทพให้มีสี่โอษฐ์ ในฐานะผู้สร้างโลก ในฐานะวิษณุเทพรักษาโลก สร้างรุทระขึ้นมาเพื่อเป็นเทพแห่งการปราบอธรรมในโลก
  • คัมภีร์วราหะปุราณะ กล่าวว่า วิษณุเทพเป็นผู้สร้างพรหมเทพขั้นมา พรหมเทพกลายเป็นภาคหนึ่งของวิษณุเทพ เหมือนกับพระมนูเคยเป็นภาคหนึ่งของพรหมเทพ และพรหมเทพบูชาร่างที่มีเศียรเป็นม้าของวิษณุเทพ และรับกฎของวิษณุเทพ พรหมเทพ กล่าวว่า
    • ลำดับแรกเรา เกิดจาก พระประสงค์ของท่าน
    • ลำดับที่สอง เกิดจาก ดวงพระเนตรของท่าน
    • ลำดับที่สาม เกิดจาก พระดำรัสของท่าน
    • ลำดับที่สี่ เกิดจาก พระกรรณของท่าน
    • ลำดับที่ห้า เกิดจาก พระนาสิกของท่าน
    • ลำดับที่หก เป็นเหมือนไข่จากท่าน
    • เป็นการเกิดครั้งที่เจ็ดจากดอกบัว ที่ผุดขึ้นจากพระนาภีของท่าน
  • คัมภีร์พรหมาณฑปุราณะ กล่าวว่า พรหมถือกำเนิดในดอกบัว และดอกบัวนี้ ได้ผุดขึ้นมาจากพระนาภีของวิษณุ และพระวิษณุมีมาก่อนทุกสรรพสิ่ง พระองค์ต้องการสร้างโลกจึงให้กำเนิดพรหมขึ้นมาเพื่อภารกิจนี้

“พระพรหม” เทพสูงสุด เทพผู้สร้างโลก เทพผู้สร้างจักรวาล

พรหมเป็นเทพผู้สร้างโลก เป็นผู้ให้กำเนิดวรรณะทั้งสี่ ได้แก่ พราหมณ์ กษัตริย์ แพทศย์ ศูทร พรหมเป็นเทพสูงสุด เป็นเทพผู้สร้างโลก สร้างจักรวาล สร้างมนุษย์และเป็นบิดาแห่งจักรวานล รวมถึงสัตว์ทั้งหลาย เป็นเทพผู้ลิขิตชีวิตมนุษย์ มีอยู่เพียงองค์เดียว

  • คัมภีร์พระเวท กล่าวว่า พรหมเป็นผู้สร้างบุคคลวรรณะสี่ ให้กำเนิดจากอวัยวะแต่ละส่วนพราหมณ์กำเนิดจากพระโอษฐ์ กษัตริย์กำเนิดจากพระอุระ แพศย์กำเนิดจากพระเพลา ศูทรกำเนิดจากพระบาท
  • คัมภีร์ฤคเวท กล่าวว่า พรหมปรากฏอยู่ในคัมภีร์ฤคเวท หมายถึง บทสวดศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง มณฑลที่สิบ มีบทสวดเกี่ยวกับความเป็นมาของโลกจักรวาล ชาวอินเดียสมัยฤคเวทมีความคิดเรื่องโลกจักรวาลว่า พรหมเป็นเทพผู้สร้างโลก
  • คัมภีร์พราหมณะและอุปนิษัท กล่าวว่า พรหมที่อยู่ในพราหมณะที่เก่าที่สุด มีความหมายเพียงเป็นการสวดอ้อนวอน อาจเพียงแต่เป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าสืบเนื่องมาเท่านั้น ส่วนเทพมีหน้าที่เดียวกับพรหมในฐานะผู้สร้าง คือ “พระประชาบดี”
  • คัมภีร์อุปนิษัท กล่าวว่า พรหม คือ สารัตถะของจักรวาล ไม่มีตัวตน ไม่มีเพศ ไม่สามารถอธิบายได้ แปลว่า ยิ่งใหญ่ ครั้งแรกพรหมมีความหมายมาก เล็งไปถึงบทสวดที่มีอยู่ในพระเวท ครั้นมาถึงยุคสมัยอุปนิษัท คำว่า “พรหม” คือ “อาตมัน” พรหมเป็นอมตะตลอดกาล เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง พรหมเป็นผู้มีอำนาจ เป็นหนึ่งไม่มีสอง ไม่มีส่วนประกอบ ไม่มีเบื้องหลาย ไม่มีที่สิ้นสุด พรหมเป็นผู้ปราศจากเพศ ปราศจากร่างกาย เป็นอมตะตลอดกาล สมัยมหากาพย์ และปุราณะกล่าวว่า พระเป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สามพระองค์ ได้แก่ พระพรหมเทพ พระวิษณุเทพ และพระศิวะเทพ
  • ศานาพราหมณ์ – ฮินดู ได้แก่ เทพผู้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก พรหมเป็นหนึ่งในสาม “มหาเทพตรีมูรติ” ที่ยิ่งใหญ่ คือ พรหมเทพ วิษณุเทพ และศิวะเทพ พรหมเป็นบิดาของเทวดา ยักษ์ อสูร รากษส คนธรรพ์ ครุฑ นาค และมนุษย์ พรหมเป็นมหาเทพผู้สร้างและทำลายล้างโลกในคราวเดียวกัน พรหมเป็นที่บูชาของเทพ ยักษ์ รากษส และอสูรทั้งหลาย
  • รามายณะ พรหมเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในพรหมปุราณ พรหมนั้นเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ในสามโลก
  • ในคัมภีร์ปุราณะ กล่าวว่า พรหมเป็นผู้ให้กำเนิดพระศิวะเทพ
  • ในคัมภีร์พรหมปุราณะ กล่าวว่า พรหมเป็นผู้ให้กำเนิดพระวิษณุเทพ พรหมเป็นมหาเทพที่เคารพบูชาของบรรดามหาฤษีทั้งหลายในสามโลก
  • คัมภีร์วราหุปุราณะ กล่าวว่า พรหมเป็นภาคหนึ่งของพระวิษณุเทพ

เรื่องเล่าจากคัมภีร์ ในสมัยปุราณฐานะของพรหมตกต่ำลงมาก ซึ่งพรหมเคยโดนพระศิวะเทพสาป และลงโทษร้ายแรงมาก ในคัมภีร์วิษณุปุราณะ กล่าวว่า พรหมเทพได้ส่งพระนารายณ์ลงมาปราบยักษ์ทศกัณฑ์ในมหากาพย์รามายณะ และในสมัยปุราณะ มีการกล่าวว่า พระศิวะเทพและพระพรหมเทพเป็นองค์เดียวกัน

พรหมเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของทุกคนบนโลก และควบคุมทุกสิ่งบนโลก พรหมเป็นผู้กำหนดเวลาในสามโลก คือ สวรรค์ มนุษย์ และบาดาล พรหมเป็นผู้สร้างธาตุทั้ง 5 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศ เมื่อโลกจักรวาลถึงคราวสิ้นสุดลง พรหมจะประทานไฟบรรลัยกัลป์ เพื่อทำลายโลกจักรวาลทุกสรรพสิ่งให้มอดไหม้ เมื่อถึงเวลาสร้างโลก จึงสร้างโลกจักรวาลขึ้นมาอีกครั้ง

ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *