พระคาถาต่ออายุ ต่อดวงชะตา “อุณหิสสวิชยสูตร”

“อุณหิสสวิชยสูตร” พระสูตรนี้ ผู้ภาวนาเป็นประจำ จะทำให้อายุยืน ผู้ที่กำลังมีบาปเคราะห์ ดวงไม่ดี หมั่นภาวนาเป็นประจำ จะเป็นการเสริมดวงชะตาให้ดี แล้วจะแคล้วคลาดจากภัยพิบัติต่าง ๆ มีทำให้มีสวัสดีมงคง มีโชคลาภ

อัตถิ อุณหิสสะ วิชะโย

ธัมโม โลเก อะนุตตะโร

สัพพะสัตตะหิตัตถายะ

ตัง ตวัง คัณหาหิ เทวะเต

ปะริวัชเช ราชะทัณเฑ

อะมะนุสเสหิ ปาวะเก

พะยัคเฆ นาเค วิเส ภูเต

อะกาละมะระเณนะ วา

สัพพัส์มา มะระณา มุตโต

ฐะเปต์วา กาละมาริตัง

ตัสเสวะ อานุภาเวนะ

โหตุ เทโว สุขี สะทา

สุทธะสีลัง สะมาทายะ

ธัมมัง สุจะริตัง จะเร

ตัสเสวะ อานุภาเวนะ

โหตุ เทโว สุขี สะทา

ลิกขิตัง จินติตัง ปูชัง

ธาระณัง วาจะนัง คะรุง

ปะเรสัง เทสะนัง สุต์วา

ตัสสะ อายุ ปะวัฑฒะตีติ

คำแปล พระคาถา “อุณหิสสวิชัย” ซึ่งเป็นธรรมอันล้ำเลิศในโลก ดูก่อนเทวดา ขอท่านจงเรียนอุณหิสสวิชัยคาถานั้น เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวง ซึ่งจะปลอดจากราชอาชญา จากภัยของอมนุษย์จากอัคคีภัย จากเสือ ช้าง งูพิษ แลภูตผี หรือจากความตายในกาลอันไม่ควร จะพ้นจากความตายทั้งปวง เว้นแต่กาลมรณะ ด้วยอานุภาพแห่งอุณหิสสวิชัยคาถานั้นแล ขอเทวดาจงมีความสุขทุกเมื่อ ขอท่านพึงสมาทาน ศีล อันบริสุทธิ์ ประพฤติธรรมให้สุจริต ด้วยอานุภาพแห่งศีลอันบริสุทธิ์ และธรรมอันเป็นสุจริตนั้นแล ขอเทวดาจงมีความสุขทุกเมื่อผู้ใดได้ศึกษา คิดนึก บูชา ทรงจำ บอกกล่าว เป็นครู หรือฟังการแสดงอุณหิสสวิชัยคาถานั้น อายุของผุ้นั้น ย่อมเจริญนักแล

ตำนานพระคาถา “อุณหิสสวิชัยคาถา”

พระผู้มีพระภาค ขณะประทับอยู่ ณ ปัณฑุกัมพลสิลาอาสน์ ภายใต้ต้นปาริชาติ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้ตรัสพระธรรมเทศนาพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ แก่เทวดาทั้งหลาย มีพระสิริมหามายาเทพบุตร พระพุทธมารดาเป็นประธาน เพื่อให้บรรลุมรรคผลนิพพานนั้น มีเทพบุตรองค์หนึ่ง ชื่อว่า “สุปติฏฐิตเทพบุตร” เป็นผู้มีอานุภาพเกรียงไกร ได้เสวยทิพยสมบัติ ในดาวดึงส์มาช้านานแล้ว เทพบุตรองค์นี้ ถึงกาลเวลาที่จะต้องไปเสวยกรรมในนรกเป็นเวลา 100,000 ปี จากนั้นก็จะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน 7 จำพวก จำพวกละ 500 ชาติ แต่มีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อว่า “อากาศจรณี” เป็นมิตรสหายเก่าแก่ของสุปติฏฐิเทพบุตรผู้เคยร่วมรักษาศีลภาวนาในอุโบสถเดียวกันแต่ปางก่อน เมื่อทราบว่า สหายของตนจะจุติจากสวรรค์ลงสู่นรก อากาศจรณีเทพบุตรจึงนำความมาแจ้งให้สหายของตนให้รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เมื่อสุปติฏฐิตเทพบุตรได้ยิน ดังนั้น ก็ตกใจยิ่งนัก จึงปรึกษาว่า เราจะต้องไปตกนรกในอีก 7 วันข้างหน้า เพราะบาปที่เราก่อขึ้น เราจะทำอย่างดีสหาย จึงกล่าวแนะนำว่า ควรจะเข้าเฝ้าท้าวสักกเทวราช เพราะพระองค์กำลังประทับอยู่บนดาวดึงส์เทวโลก

สุปัติฏฐิตเทพบุตรจึงไปเฝ้าท้าวสักกเทวราช ครั้นแล้วจึงถวายบังคม และกราบทูลเรื่องที่จะเกิดแก่ตนเองพร้อมกล่าวว่า ขอพระองค์โปรดได้ช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด ข้าพระองค์ยังไม่อยากจะจุติข้าพระองค์ไม่อยากจะไปตกนรก ท้าวสักกะจึงตรัสว่า อันความตาย แม้ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ในสวรรค์ก็ไม่สามารถจะห้ามได้ มนุษย์และเทวดาก็ย่อมจะตายด้วยกันทั้งนั้น ผิดกันแต่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น เราเห็นมีทางอยู่ทางเดียว คือ ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทรงขอผ่อนผันในเรื่องนี้

สุปัติฏฐิตเทพบุตรได้ฟังเทวบัญชาเช่นนั้น ก็จัดแจงเครื่องสักการะบูชาเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และกราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบอย่างละเอียด ท้าวสักกะได้ทรงกราบทูล และขอให้พระพุทธเจ้าทรงแสดงบุพกรรมของสุปติฏฐิตเทพบุตรให้ฟัง พระพุทธองค์จึงตรัสว่า เมื่อครั้งสุปติฏฐิตเทพบุตรเกิดเป็นมนุษย์ มีความผิดมีความประมาท ไม่รักษาศีล แต่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มีจิตใจกระด้างกระเดื่อง ไม่เคารพนับถือบิดามารดา ไม่เลื่อมใสและเคารพต่อสมณะหรือพราหมณ์ บริภาษด่าทอภิกษุสงฆ์ที่ไปมาหาสู่ เมื่อเห็นพระภิกษุไปบิณฑบาตยังหน้าบ้านก็ทำเป็นไม่เห็น ไม่ลุกขึ้นนิมนต์ให้นั่งบนอาสนะ ด้วยผลแห่งกรรมเหล่านี้ จึงทำให้สุปติฏฐิตเทพบุตรจักไปเกิดในนรก เสวยผลกรรมประมาณ 100,000 ปี ครั้งพ้นจากนรกแล้วจะไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน 7 จำพวก คือ แร้ง รุ้ง เต่า หมู หมา เป็นคนหูหนวก ตาบอด จำพวกละ 500 ชาติ ขอมหาบพิตรจงทราบอย่างนี้ ท้าวสักกเทวราชทรงทราบเช่นนั้น ก็เมตตาสงสารสุปติฏฐิตเทพบุตรจึงทูลถามว่า อันการกระทำของสุปติฏฐิตเทพบุตรนั้น นับว่า อุกฤษฏ์อยู่ ขอพระองค์ได้โปรดแสดงธรรมเทศนา เพื่อช่วยชีวิตของสุปติฏฐิตเทพบุตรไว้ไม่ให้ตายภายใน 7 วัน

พระพุทธองค์จึงทรงแสดงอุณหิสสวิชัยคาถา ตามพระคาถาที่กล่าวแล้วข้างต้น เมื่อจบเทศนาแล้วเทวดาทั้งหลายมีท้าวสักกะเทวราชเป็นประธาน ได้ซาบซึ้งในรสพระสัทธรรมและได้บรรลุพระธรรมพิเศษ คือ มรรคและผล เป็นจำนวนมาก ส่วนสุปติฏฐิตเทพบุตรก็มีจิตเลื่อมใส และมีใจน้อมนับระลึกถึงพระพุทธเจ้าเลื่อมใสในพระธรรมของพระองค์ อนึ่ง ด้วยอานิสงส์แห่งการฟังอุณหิสสวิชัยคาถาครั้งนี้ นับเป็นบุญกุศลส่วนหนึ่ง อันเป็นเหตุปัจจัย ทำให้สุปติฏฐิตเทพบุตร มีอายุยืนยาวต่อไปจนถึงสมัยที่พระศรีอริยเมตไตยพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ จึงจะจุติลงมาสู่มนุษย์โลก และได้เป็นพระอรหันต์ชีณาสพรูปหนึ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *