อำนาจบารมีคุ้มครองใน “เหรียญบูชาทวดตาสอน” เป็นที่ทราบกันว่า ครั้งหนึ่งทางวัดเกาะฐานได้ทำการจัดสร้างเหรียญสำหรับเคารพบูชาของทวดไว้เป็นที่ระลึก 2 รุ่น โดยเหรียญรุ่นแรกและเหรียญรุ่นที่ 2 มีความคล้ายคลึงกัน คือ ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงพ่อเที่ยง ธิติโก ด้านหลังเป็นรูปทวดงูตาสอนแผ่พังพอน มีหงอนราบตรงกลางหัว ลักษณะหงอนเสยขึ้นบน ตรงลำตัวมีลวดลายสลับเป็นปล้องอย่างงูพญาตะบองหลา (งูจงอางที่มีอายุมาก) ส่วนของหางกุด เขียนกำกับเอาไว้หน้าเหรียญว่า “ตาอินทร์ศร” ระลึกรุ่นสร้างพระอุโบสถ วัดเกาะฐาน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ปรากฏมีผู้ศรัทธาในทวดตาสอนได้เช่าบูชาเหรียญทั้ง 2 รุ่นนี้ไปแล้วได้รับอานิสงส์ของความศักดิ์สิทธิ์ตามมาอย่างน่าประหลาดใจ อาทิ เคยมีชาวบ้านเกาะฐานเช่าบูชาเหรียญทวดตาสอน (รุ่นแรก) ไปเก็บไว้ภายในรถยนต์ ปรากฏขณะออกเดินทางไปทำธุระ รถเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เหวี่ยงไปชนเข้ากับขอบถนนจนขาด 2 ท่อน อย่างประหลาด เพราะคนที่นั่งอยู่ภายในรถมีเพียงรอยแผลฟกช้ำเพียงเล็กน้อย ไม่มีใครได้รับอันตรายถึงชีวิต ชาวบ้านเชื่อว่า เจ้าของรถคันดังกล่าวได้รับบารมีคุ้มครองจากทวดตาสอน

ส่วนอีกกรณีหนึ่ง คือ เรื่องของชาวบ้านในพื้นที่บ้านเกาะฐานอีกท่านได้เดินทางมาขอเช่าบูชาเหรียญของทวดตาสอนทั้งรุ่นแรกและรุ่นสอง จากนั้นก็นำเหรียญที่ผ่านการปลุกเสกลงอาคมไปใส่ไว้ในเก๊ะใส่ของภายในรถยนต์ ประจวบกับวันนั้นเอง ต้องรีบเดินทางไปทำธุระในสถานที่เปลี่ยว (ในการจอดรถ) เลยถูกงัดประตูรถเพื่อเข้ามาขโมยของข้างใน แต่ก็แปลกใจขที่โจรสามารถงัดเข้ามาภายในตัวรถได้แล้ว แต่ไม่เอาของมีค่าภายในออกไปสักชิ้นเดียว หลายวันต่อมาทางตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้ (ฐานงัดรถยนต์เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ภายใน) ด้วยความสงสัยเจ้าของรถจึงถามโจรไปว่า “งัดประตูรถเข้ามาข้างในได้แล้ว ทำไมไม่ลักอะไรออกไปสักชิ้นเดียว” โจรตอบกลับมาว่า “ลักได้ยังไง ในรถมีแต่งู มองไปทางไหนก็มีแต่งูเต็มรถไปหมด พอเห็นก็ขวัญหนีตีฝ่อ วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต” จากเหตุการณ์ที่กล่าวมานี้ ชาวบ้านต่างเชื่ออย่างสนิทใจว่า เป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของทวดตาสอนที่สำแดงออกมาเพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองคนทำดี เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าสู่กันฟังในหมู่ชาวบ้านเกาะฐานว่า ทวดตาสอนมีความขี้เล่นและมีอารมณ์ขัน ตลกสนุกสนาน ชอบหยอกชาวบ้านในพื้นที่ที่ท่านปกป้องคุ้มครองอยู่บ่อยครั้ง โดยครั้งที่ชาวบ้านมาทำการบนขอพรกับทวด ท่านก็มีอารมณ์ขันว่า อยากได้ข้าวต้มเพียง 1 ถ้วย แต่อยากได้คน 2 คนมาช่วยกันหามแห่ยังยังศาลของท่านให้สนุกสนาน ชาวบ้านก็แห่กัน (ข้าวต้มถ้วยเล็ก ๆ เพียงถ้วยเดียว) แห่กัน 2 คนอย่างสนุกสนาน เวลาชาวบ้านมาขอเบอร์ท่านก็ไล่ให้ไปขอกับทวดมิเน๊าะ (เชื่อว่า ทวดมิเน๊าชอบให้เบอร์) แต่อย่ามาขอกับผู้สามีอย่างทวดตาสอนอย่างเด็ดขาด เพราะทวดไม่ชอบให้ใครขอเบอร์ ถึงกับครั้งหนึ่งมีชาวบ้านโดนทวดเข้าฝันมาแล้วว่า “ขอเบอร์ – ขอหวย กูไม่ให้ ถ้าโหมสูจะโถกเบอร์โถกหวยมันจะได้กันเอง” คือ ชาวบ้านยิ่งไปขอ ก็ยิ่งโดนทวดด่า แถมบางรายยังมีการแลบลิ้นให้อีกด้วย (คือ ไม่ให้ก็คือ ไม่ให้ ไม่ต้องมาขอ ทวดรำคาญ อะไรประมาณนี้) ขอกล่าวถึง ความขี้เล่นของทวดตาสอนสักอีกเรื่อง ว่า ครั้งหนึ่ง ชาวบ้านจัดงานศพภายในวัด ขณะกำลังจะเคลื่อนย้ายขบวนศพขึ้นสู่เมรุ สังเกตบนท้องฟ้าคล้ายฝนกำลังจะตก คือ มีกลุ่มก้อนเมฆสีดำทมึนลอยเห็นเด่นมาแต่ไกล ก็มีชาวบ้านไปประนมมือยกชูขึ้นเหนือหัวแล้วพูดบอกทวดตรงหน้าศาลไปว่า “ขออย่าให้ฝนตก ตอนนี้ ตรงนี้ ที่นี้ คือ ขอให้ลูกหลานได้ยกศพขึ้นเมรุเผาเสร็จก่อน ถ้าจะตกก็ไม่ว่า ได้สมดั่งที่พูดไว้เดี๋ยวจะจัดผู้หญิงมาแก้ผ้าเต้นถวายหน้าศาลให้” ปรากฏพอชาวบ้านคนนั้นพูดจบ กลุ่มเมฆที่ลอยอยู่เต็มเหนือเมรุเผาก็ถูกลมที่พักแรงมาก ๆ พัดมาจากทางทิศไหนต่อไหนก็ไม่อาจรู้ได้ หอบเอากลุ่มฝนกลุ่มใหญ่น้อยลอยไปตกที่อื่นจนหมด ชาวบ้านคนดังกล่าว ถึงกับตกใจหน้าถอดสี เพราะคิดว่า แค่พูดเล่น ๆ ไม่คิดว่า ทวดจะศักดิ์สิทธิ์ถึงเพียงนี้ ครั้นจะจับเอาผู้หญิงสาว ๆ ในหมู่บ้านมาแก้ผ้าเต้นหน้าศาลก็คงไม่มีใครกล้าทำ และไม่เหมาะเป็นแน่ แต่เพราะบนไว้แล้วจึงต้องหาทางแก้ เลยไปปรึกษากับพระท่านและผู้นำชุมชนบ้านเกาะฐาน ก็แก้บนด้วยการจ้างเด็กหญิงอายุ 4 – 6 ขวบมาแก้ผ้าเต้นหน้าศาลเป็นที่สนุกสนานกัน ฝ่ายคนทรงก็สื่อออกมาว่า ทวดยิ้ม – หัวเราะ – และรู้สึกพอใจ

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าสู่กันฟังในหมู่ชาวบ้านเกาะฐานอีกเรื่องว่า ช่วงกลางวันแดดจัดมาก ๆในบางครั้งทวดตาสอนมักแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการแปลงเป็นงูจงอางแล้วเลื้อยอย่างเชื่องช้าผ่านกลางหมู่บ้านเกาะฐาน ชาวบ้านและลูกหลานของทวดเชื่อว่า สามารถเดินเข้าไปดูทวดใกล้ ๆ ได้ สามารถพูดกับทวดเพื่อขอมือลูกตามลำตัว (งูจงอาง / ทวดตาสอน) ได้โดยไม่ถูกฉกกัดหรือทำอันตราย วันไหนมีตัวเห็บขึ้นตามลำตัว หรือเห็บขึ้นในรูหู ชาวบ้านสามารถยกมือไหว้ขอหยิบตัวเห็บออกจากหูของทวดได้ บ้างก็เล่าลือกันว่า บางครั้งทวดนึกมีอารมณ์ขันก็จะเข้าไปแกล้งชาวบ้านที่เป็นลูกหลานด้วยการแอบเลื้อยไปข้างหลังขณะอาบน้ำกลางแจ้ง (ตรงบริเวณบ่อน้ำ) จากนั้น ทวดตาสอนก็จะชูคอขึ้นแผ่พังพานอย่างน่ากลัว เอาลำตัวพาดหลังของชาวบ้านขระหยิบขันเพื่อตักน้ำจากบ่อมาอาบ งานนี้เลยเล่นเอาลูกหลานที่มีอายุเลข 7 นำหน้าเกือบหัวใจวายตายไปหลายท่าน แต่ก็มีลูกหลานบางคน (คุณย่า – คุณยาย บางท่านในหมู่บ้าน) เกิดตกใจแบบลืมตัว คว้าหางของทวดได้ก็จับทวดตาสอนเหวี่ยงฟัดลงพื้นดิน กลางดึกทวดต้องไปเข้าฝันชาวบ้านในพื้นที่ว่า แค่หยอกเล่นสนุก ๆ แต่โดนคุณยาย (รุ่นหลานของทวด) จับฟัดซะจนระบบไปทั้งตัว กลายเป็นเรื่องเล่าตลกขบขันของทวดที่ทำให้ลูก ๆ หลาน ๆ ภายในบ้านเกาะฐานรู้สึกว่า ทวดมีความขี้เล่นและความมีอารมณ์ขัน ตลกสนุกสนานอย่างเต็มเปี่ยม

ทวดตาสินหรือตาอินทร์ศร (ทวดงู) จึงถือเป็น “เทวดาอารักษ์ประจำถิ่น” คือ กฎข้อตกลงร่วมกันของชาวบ้าน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อช่วยดำรงหล่อเลี้ยงวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ให้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข งูพญาตะบองหลาขนาดใหญ่ มีหงอนแดงตรงกลางหัว ลำตัวยาวดำมีลายพาด หางกุด จึงถือเป็นทั้งตัวแทนของบรรพชนผู้ล่วงลับดับสูญ คนในวงศ์ตระกูล การก่อกำเนิดเกิดใหม่อย่าง “อจินไตย” และตัวแทนของพลังอำนาจ “มานา” ในลัทธิ animism หรือ “คติถือผีสางเทวดา” อย่างน่าเกรงกลัว กับคำบอกเล่าแบบปากต่อปากของชาวบ้านที่ว่า “บูชาดีจะให้คุณ ลบหลู่ดูหมิ่นแลทวดจะให้โทษ” แม้ปัจจุบัน ความเจริญจะไหลหลั่งพรั่งพรูเข้ามาอย่างมิอาจขวางกันภายในย่านวัดเกาะฐาน และบ้านเกาะฐาน หมู่ที่ 3 ตำบลหนองช้างแล่น อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง รวมถึงในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังมีความเชื่ออย่างฝังรากลึก และเชื่ออย่างไร้ข้อกังขาใดใดในอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของวิญญาณบรรพชนอันคอยปกปักรักษาผู้คนในบริเวณนี้ให้ได้รับแต่ความสุขสวัสดิ์เจริญงอกงามในหน้าที่การงานและเรื่องต่าง ๆ จวบจนยุคปัจจุบัน ความเชื่อดังกล่าวก็ยังคงอยู่มิสูญสลายหายไปกับกาลเวลาแต่ประการใด[i]

ท่านผู้อ่านสามารถอ่านเรื่อง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ “ทวดตาสอน” “ตาอินทร์ศร” หรือ “งูศักดิ์สิทธิ์” จังหวัดตรัง และเรื่อง อิทธิฤทธิ์ของ “ทวดตาสอน” “ตาอินทร์ศร” หรือ “งูศักดิ์สิทธิ์” จังหวัดตรัง

[i] ขอบคุณที่มาบทความ ศศลักษณ์ ทองขาว, คุณาพร ไชยโรจน์ และอำนาจ ทองขาว. ความเชื่อทางจิตวิญญาณทวดที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น. กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม.