นรก 8 ขุม กระทำกรรมอันใด ตายแล้วจะตกนรกขุมไหน (2)

หนังสือ “เล่าเรื่องในไตรภูมิ” ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับนรกไว้ว่า นรกมี 8 ขุม ซึ่งนรกทั้ง 8 ขุม มีกำแพงเหล็กแดงลุกเป็นไฟอยู่เสมอ อยู่โดยรอบทั้งสี่ด้าน และยังมีพื้นเบื้องบนและเบื้องล่างเป็นเหล็กแดงลุกเป็นไฟอยู่เช่นกัน กำแพงยาวด้านละ 1,000 โยชน์ หนา 9 โยชน์ มีประตูเข้าทุกทิศ ทิศละหนึ่งประตู ส่วนพื้นบนและพื้นล่างก็มีความหนา 9 โยชน์ เช่นกัน ลักษณะของนรก 8 ขุมมีดังนี้

นรกขุมที่ 1 ชื่อ “สัญชีพนรก” สัตว์ที่เกิดในนรกนี้ จะถูกยมบาลแล่เนื้อและอกสับออกเป็นท่อน ๆ เมื่อถูกลมพัดไปจึงจะเกิดอีกครั้งหนึ่ง ประมาณ 9 ล้านปีของเมืองมนุษย์จึงจะหมดเวร สัตว์ที่เกิดในนรกขุมนี้ เพราะฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือกระทำปาณาติบาต

นรกขุมที่ 2 ชื่อ “กาลสุตตนรก” สัตว์ที่เกิดในนรกนี้ จะถูกทรมาน โดยจับมัดขึ้นไปนอนบนเหล็กแดงที่คุด้วยแรงไฟ แล้วถูกดีดด้วยเส้นเหล็กบรรทัดให้ร่างขาดออกจากกัน เพื่อให้ตายแล้วกลับมาเกิดเพื่อทรมานอีก โทษที่ทำให้ตกนรกขุมนี้ คือ กล่าวคำโกหกปลิ้นปล้อนลอกลวงเขา

นรกขุมที่ 3 ชื่อ “สังฆาฏนรก” สัตว์ที่ไปเกิดในนรกนี้จะต้องเสวยทุกข์ทรมานอยู่บนภูเขาไฟและถูกภูเขาไปกลิ้งบดจนร่างละเอียดเป็นจุณ โทษที่ทำให้ต้องไปเกิดในนรกขุมนี้ คือ เอาสัตว์เผาในกองไฟ อันเป็นการฆ่าสัตว์โดยทรมาน

นรกขุมที่ 4 ชื่อ “โรรุพนรก” สัตว์ที่ไปเกิดในนรกนี้ จะถูกบัวกรดพัดประหารชีพ ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในบัวบานครึ่งตัว แล้วจึงบังเกิดไฟบรรลัยกัลป์เผาไหม้ให้ตายเพื่อกลับมาเกิดใหม่และทนทุกข์ทรมานต่อไปอีก โทษที่ทำให้ต้องตกนรกขุมนี้คือ ลักขโมยทรัพย์ของผู้อื่น หรือรับสมอ้างเป็นพยานเท็จ

นรกขุมที่ 5 ชื่อ “มหาโรรุพนรก” สัตว์ที่ไปเกิดในนรกขุมนี้ จะถูกพระยมเอาเอนไผ่ดีกระหน่ำศีรษะเรื่อยไปจนตาย สัตว์ที่เกิดในนรกขุมนี้เพราะละเมิดกามในลูกเขาเมียเขา และเพราะลักขโมยของพระภิกษุด้วย

นรกขุมที่ 6 ชื่อ “ตาปนรก” สัตว์ที่เกิดในนรกนี้ จะถูกทรมานด้วยหลาวเหล็กขนาดโตเท่าลำตาล เป็นเพลิงทิ่มแทงกายจนตาย ทิ้งศพให้หมูหมากัดกินร่าง โทษที่ทำให้ต้องตกนรกขุมนี้ คือ โทษประทุษร้ายพ่อแม่ ทำร้ายพระสงฆ์องค์เจ้าต่าง ๆ

นรกขุมที่ 7 ชื่อ “มหาตาปนรก” สัตว์ในนรกขุมนี้ จะถูกทรมานโดยพระยมไล่เอาหอกทิ่มแทงให้ขึ้นไปบนภูเขาที่คุด้วยถ่านไฟ โทษที่ทำให้ต้องตกนรกขุมนี้ คือ ใช้อำนาจหน้าที่สั่งประหารคนโดยไม่เป็นธรรม ตัดสินคดีหรือปรับไม่เป็นธรรม กินสินบาทคาดสินบนต่าง ๆ

นรกขุมที่ 8 ชื่อ “มหาอเวจีนรก” สัตว์ในนรกแห่งนี้ จะถูกทรมาน โดยมีไฟเผากายตลอดไป พิษไฟเผาผลาญทำให้แสบร้อนไม่อาจระงับได้ ไม่ว่าจะย่างไปแห่งใด ๆ จะมีไฟพวยพุ่งมารอบด้าน ทั้งหลาวเหล็กขนาดโตเท่าลำตาล จะเข้าเสียบร่าง สัตว์ที่ต้องไปเกิดในนรกขุมนี้ เพราะฆ่าพ่อแม่ พระสงฆ์ ทำร้ายพระพุทธ พระสงฆ์

นอกจากนรกทั้ง 8 ขุมนี้แล้ว ยังมีนรกอีกขุมหนึ่งที่ได้ยินชื่อกันบ่อย ๆ คือ “โลกันตนรก” สัตว์ที่ไปเกิดในนรกขุมนี้ ได้รับทุกข์ยากมากที่สุด เพราะไม่มีใจ ไม่มีตา ไม่มีแสงสว่างไปไหนก็ต้องใช้มือคลำไปคล้ายคนตาบอด กายของสัตว์ในโลกันตนรกสูงใหญ่มาก มีเล็กใหญ่เท่าจอบ อาศัยเที่ยวเกาะตามเขา ต้องห้อยโหนตัวเหมือนค้างคาว พบกันเองก็ฉีกเนื้อกันกินพอพลัดตกถึงพื้นก็ถูกน้ำกรดกันเป็นจุณ ครั้นแห้งเป็นฝุ่นก็เกิดมาใหม่อีก โทษที่ทำให้ตกนรกขุมนี้ คือ เมื่อมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ ได้หมิ่นประมาทว่า พระภิกษุสงฆ์ และมีความหลงผิดในโลกนี้ว่า โลกหน้าว่า ไม่มี

นรกใหญ่ทั้ง 8 ขุมนี้ จะมีนรกบริวาร ซึ่งเรียกว่า นรกบ่าวล้อมอยู่ด้านละ 4 ขุม นรกใหญ่ขุมหนึ่งจึงมีนรกบ่าว 10 ขุม นรกใหญ่ 8 ขุม มีนรกบ่าวรวมกัน 128 ขุม รวมนรกใหญ่กับนรกบ่าวจึงมีนรกรวมกันถึง 136 ขุม นรกไม่มีเพียงเท่านี้ ยังมีนรกเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกนับจำนวนไม่ถ้วน นรกบ่าว 16 ขุม มีชื่อเรียกต่าง ๆ แต่มีชื่อเรียกรวมว่า “อุสุทธ (อุสสสุทนรก)” แปลว่า นรกมีสิ่งที่ทิ้งแล้ว เช่น มูตรคูถ ถ่านเถ้าไฟ เป็นต้น นรกบ่าว 16 ขุมนี้ ที่ควรรู้จักคือ “โลหกุมภีนรก” และ “โลหสิมพลีนรก”

“โลหกุมภีนรก” จะมีหม้อเล็กขนาดใหญ่โตเหลืองประมาณลุกเป็นไฟแดง ๆ น้ำเหล็กนั้นก็เป็นไฟเหมือนกัน ผู้ใดตีพระเจ้าพระสงฆ์ เมื่อตายแล้วไปตกในนรกขุมนี้ จะถูกยมบาลเอาตัวทุ่มให้หัวทิ่มลงไปในหม้อ แต่ไม่ตาย ถึงตายก็กลับเป็นขึ้นใหม่ ทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะสิ้นเวรกรรม หม้อเหล็กและน้ำเหล็กที่ลุกเห็นไฟนี้ เราเรียกว่า “หม้อทองแดง” และ “น้ำทองแดง”

“โลหสิพลีนรก” หรือนรกต้นงิ้น นรกที่มีต้นงิ้วขึ้นอยู่เป็นป่าเลยทีเดียว แต่ละต้นสูงตั้งโยชน์ มีหนามยาว 16 นิ้วมืออยู่ทั่วลำต้น เป็นเปลวไปลุกอยู่ตลอดเวลาไม่มีดับ นรกนี้มีไว้ลงโทษหญิงชายซึ่งทำชู้ด้วยผัวเขาเมียเขา เมื่อตายแล้วไปตกในนรกนี้ จะถูกยมบาลต้อนขึ้นต้นงิ้ว ไม่ขึ้นก็ไม่ได้ เพราะยมบาลจะเอาหอกและเหล็กทองแดงแทง ทั้งยังมีแร้งปากหนาและกาปากเหล็กคอยจิกเนื้อ มีสุนัขคอยกัดอยู่ที่โคนต้นอีกด้วย ต้องขึ้นต้นงิ้วเพื่อไปหาชู้ของตนที่ปีนขึ้นไปก่อนแล้ว เมื่อปีนขึ้นไปจะถูกหนามงิ้วบาดทั่วตัวและถูกไฟลวก แขนขาขาดทนไม่ไหวก็ตกลงมาแต่ไม่ตาย ถูกยมบาลเอาเหล็กแดงแทง บังคับให้ปีนต้นงิ้วขึ้นไปใหม่ ทนทุกข์ทรมานอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าจะสิ้นเวรสิ้นกรรม

สำหรับ “ยมบาล” นั้น ทำหน้าที่เป็นผู้คุมนรก นรกขุมใหญ่ไม่จำเป็นต้องมียมบาล เพราะมีกำแพงเหล็กล้อมรอบแน่นหนาปันเป็นแดน ๆ อยู่แล้ว ถ้ามีก็เห็นจะเป็นยมบาลเฝ้าประตูแรกเท่านั้น ส่วนนรกบ่าวและนรกเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งไม่กล่าวว่า มีกำแพงหรืออะไรล้อมไว้ จึงต้องมียมบาลเป็นผู้คอยดูแล ยมบาลเหล่านี้เดิมนั้น เป็นคนทำทั้งบุญทั้งบาปเท่า ๆ กัน ตายแล้วจึงต้องเป็นยมบาล 15 วัน อีก 15 วันเป็นยมบาลเหมือนกัน แต่ถูกยมบาลอื่นฆ่าฟันพุ่งแทงให้ได้รับความทุกข์สับเปลี่ยนวนเวียนกันดังนี้จนกว่าจะสิ้นกรรม ผู้เป็นใหญ่เหนือยมบาลทั้งหลาย คือ “พระยายมราช” ซึ่งเป็นผู้ทรงธรรมเที่ยงตรง ผู้ใดตายต้องไปหาพระยายมราชก่อน ท่านจะสอบสวนบุญบาปของผู้นั้น ถ้าสอบสวนได้ความว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ได้กระทำบุญ เทวดา 4 องค์ ซึ่งทำหน้าที่ถือบัญชีสำหรับจดบุญและบาปก็จะเขียนชื่อผู้นั้นลงในแผ่นทองสุก แล้วทูลใส่เหนือหัวไปทูลพระยายมราชราชพิธรัตนะและมีสีอันเรืองงาม ผู้ใดกระทำบาป เทวดานั้นจะตราบัญชีลงในแผ่นหนังหมาและเอาไว้อีกแห่งหนึ่ง แล้วให้ยมบาลบังคับเอาตัวมันผู้นั้นไปทรมานในนรกตามแต่กรรมที่ได้กระทำไว้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *