ท้าวมัจจุราช ความเชื่อเรื่อง “ยมเทพ” เจ้าแห่งความตาย

“เจ้านรก” ก็คือ “พระยม” ที่สถิตของพระยม เรียก “ยมบุรี” พระยมเป็นโอรสของพระสุริยาทิตย์กับนางสรัณญ พระยมมีชื่อเรียกหลายอย่างว่า พระยมราช พระธรรมราช ท้าวมัจจุราช ถือกันว่า เป็นเจ้าแห่งความตาย เป็นใหญ่เหนือผู้ตายทั้งหลาย พวกพราหมณ์ ถือว่า พระยมเป็นผู้พิพากษาลงโทษคนตาย จึงมีพระนามว่า “ธรรมราชา”

พระยมมีสีกายเลื่อมประภัสสร คือ ขาวและใส อย่างแก้ว นุ่งห่มสีแดง สีเลือด ถือบ่วง สำหรับคล้องคนตาย มีมหิงส์ เป็นพาหนะ ถือไม้ยมทัณฑ์ อีกมือหนึ่งถือบ่วง ยมบาศ ที่อยู่ของพระยม เรียก ยมะปุระ หรือ ปุรี คือ “นรก” และถือว่า เป็นท้าวโลกบาลประจำทิศทักษิณ

พระยาสัจจาภิรมย์ ได้อธิบายถึงยมเทพไว้ว่า พระยมถือว่า เป็นเทพแห่งความตาย มีนามเรียกเป็นอันมาก เช่น ยมราช หรือธรรมราช บางทีก็เรียก พระกาฬ หรือตามภาษามคธมักเรียกว่า “ท้าวมัจจุราช” ในพระเวทออกพระนามพระยมว่า สํคมโน ชนา นาม แปลว่า ผู้รวบรวมคน และเป็นใหญ่เหนือ ปิตถทั้งหลาย (คือต้นโคตรคนที่ล่วงลับไปแล้ว) ตามตำราจีนเรียกชื่อพระยมว่า เงี่ยมล่ออ๋อง หรือ เง่นม่อล่อ ก็เรียก ทางแขก (อิสลาม) เรียกว่า ท้าวอิสราอิล เป็นเทวราชสำคัญองค์หนึ่งเป็นผู้ชั่งบุญบาปแห่งวิญญาณของมนุษย์ที่ตายไป ทำนองเดียวกับความนิยมของพวกพราหมณ์ที่มีในพระยม ฉะนั้น ส่วนเจ้าหน้าที่รองจากพระยมยังมีอีกมาก เช่น ที่เรียกว่า พระจิตคุปต์ (คนเรามักเรียกเพี้ยนว่า เจ็ตคุก) นายรองของอิสราอิลมีชื่อว่า ทาปัก เทวดาทั้ง 2 นี้มักเรียกปน ๆ กันว่า ยมบาล แต่เขาจัดไว้ว่า เป็นนายรอง สำหรับหน้าที่กระทำทัณฑ์กรรมแก่สัตว์ที่ไปตกนรก และเป็นผู้ถือทะเบียนคนตาย (ทะเบียนนี้ชื่อว่า อรรคสันธานา) นัยหนึ่งเรียกว่า นายนิริยบาล ว่ากันว่า เป็นผู้ที่มีน้ำใจเหี้ยมโหดดุร้ายนัก

ในตำราไสยศาสตร์ว่า พระยมนี้เป็นมนุษย์คนแรกในมนูยุคที่ 7 เป็นพี่ชายมนูองค์ที่ 7 เป็นโอรสพระไวรัสวัด (พระอาทิตย์) กับนางสรัณญ (บางแห่งว่า กับนางสัญญา) พระยมมีชายา 13 นาง เป็นธิดาพระทักษปชาบดีมีนามดังต่อไปนี้ คือ

  1. นางศรัทธา มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ กาม (ใคร่)
  2. นางลักษมี มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ ทรรป (หยิ่ง)
  3. นางธฤติ มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ นิยม (พอใจ)
  4. นางดุษฎี มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ สันโดษ (ขีดขั้น)
  5. นางปุษฏี มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ โลภ (อยากได้)
  6. นางเมธา มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ ศรต (เรื่องที่สดับ)
  7. นางกิริยา มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ ทัณฑ์ (แก้ไข)
  8. นางพุทธิ มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ โพท (เข้าใจ)
  9. นางลัชชา มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ วินัย (มารยาทดี)
  10. นางวปุ มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ พยัพสาย (ขยัน)
  11. นางศานติ มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ เกษม (สิ้นภัย)
  12. นางสิทธิ มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ สุข (สบาย)
  13. นางเกียรติ มีบุตรเกิดกับนางนี้ ชื่อ ยศ (มีชื่อเสียง)

นอกจากนี้ พระยมยังเคยมีบุตรอันเกิดแต่นางกุนตีมเหสี กับท้าวปาณฑุอีกองค์หนึ่ง ชื่อ ยุธิษเฐียร ตามคัมภีร์มหาภารตะว่า รูปร่างใหญ่โต หน้าตาดุร้าย สีกายเลื่อมประภัสสร (สีเหมือนพระอาทิตย์แรกขึ้น) ใสอย่างแก้ว หรือนัยหนึ่งว่า สีเขียว นัยน์ตาวาว (บอกลักษณะดุร้าย) ทรงมงกุฎ นุ่งห่มสีแดงเลือด มือถือบ่วง เรียกว่า ยมบาศ และถือไม้ ชื่อ ยมทัณฑ์ วิมานล้วนไปด้วยทองแดงและเหล็ก มีมหิงสาเป็นพาหนุ และมักเขียนรูปเป็น 4 กร

หน้าที่สำคัญของพระยม คือ เป็น โลกบาลทิศทักษิณ มีหน้าที่เป็นตุลาการของเปรตชน และวินิจฉัยชั่งความดี (บุญ) ความชั่ว (บาป) แห่งมโนผู้ที่ล่วงลับไป ถ้าความดีมีมากก็จส่งไปสวรรค์ ถ้าชั่วมากก็ส่งไปนรก สำหรับการทรมานใช้บาปที่ตนกระทำไว้ พระยมนี้นัยว่า เดิมเป็นกษัตริย์ครองนครไวศาลี ในขณะที่ทำศึกอย่างฉกรรจ์ได้ขออธิษฐานขอเป็นเจ้านรก การนั้นก็สมปรารถนา แม่ทัพ 18 กับทหาร 80,000 คน ก็ตามไปเกิดในนรกด้วย แบ่งหน้าที่ต่าง ๆ กัน แต่พระยมมีกรรมตามสนองอันหนึ่ง ที่ตนได้กระทำไว้คือ ในระยะ 24 นาฬิกา จะมีปิศาจมากรอกน้ำทองแดงลงไปในปาก 3 ครั้งเสมอ ๆ ไปจนกว่าจะสิ้นกรรม จึงจะได้ไปเกิดเป็นท้าวสมันตราช

พระยมนี้มีที่อยู่เป็นเมืองใหญ่โตมากในตำรับว่า ด้วยนรกภูมิ อยู่ใต้แผ่นดินที่เราอยู่กันเดี๋ยวนี้ เรียกว่า ยมโลก คือ เมืองนรก นรกมีเขตที่ทรมานสัตว์บาปมากมาย ส่วนยความนิยมทางไสยศาสตร์ว่า เมืองของพระยมชื่อยมปุระอยู่นอกจักรวาลในทิศทักษิณ เข้ารูปที่ว่า พระยมเป็นโลกบาลทิศทักษิณ แต่ในเทวภูมิว่า พวกโลกบาลทั้ง 4 อยู่สวรรค์ ชั้นจาตุมหาราชิกา พระยมก็เป็นโลกบาลทิศทั้งสี่กับเขาด้วย ก็อาจต้องถูกเกณฑ์ให้ไปอยู่สวรรค์ชั้นนี้กับเขาด้วยก็ได้ ส่วนทางลัทธิอิสลามเรียกนรกว่า ยะมะนัม นับว่า เป็นที่อยู่ของพระยมเหมือนกัน แต่เรียกพระยมว่า ท้าวอิสราอิลมหาราช

เมืองซึ่งเป็นที่อยู่ของพระยมนี้ เกือบทุกศาสนาได้จัดให้มีไว้เหมือนกัน แต่ต่างลัทธิในการที่จะจับคนลงนรกก็คือว่า ผู้ใดไม่ถือศาสนาหรือปฏิบัติตามวินัยหรือข้อบังคับของผู้ที่ได้ตั้งขึ้นอย่างเคร่งครัด ผู้นั้นก็ได้ชื่อว่า บาป แล้วก็จับผู้บาปนั้นทุ่มลงนรกโดยไม่ปรานีปราศรัย

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอธิบายความรู้เกี่ยวกับ “พระยม” ไว้ ดังนี้ พระยมเป็นโอรสของพระสุริยะกับนางสรัณญา อีกนัยหนึ่งในฤคเวทว่าเป็นโอรสของคนธรรพ์ ในชั้นต้นตามคัมภีร์ไตรเพทมิได้นับถือว่า พระยมเป็นเจ้านรก เป็นแต่นับว่า เป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ถึงแก่ความตายและเป็นผู้ที่ได้ดำเนินทางไปโลกที่อยู่แห่งคนตายก่อนผู้อื่น จึงเป็นผู้นำทางของผู้ตายทั่วไป ครั้งเมื่อตายไปถึงสถานของพระยมแล้ว ก็ได้รับความสุขจึงถือว่า เป็นเจ้าแห่งผู้ตายทั้งหลาย แล้วจึงกลายเป็นนับว่า “พระยม” คือ ตัวมฤตยู (ความตาย) นั้นเอง

แต่อย่างไรก็ดี คงถือว่า การไปถิ่นของพระยมนั้น เป็นการไปสู่อันเป็นสุข ครั้งมาในชั้นหลัง คือ ตามหนังสือ ปุราณะต่าง ๆ พระยมจึงมาเป็นตุลาการแห่งคนตายและเป็นเจ้านรก เช่นใน ปทมะ ปุราณะ เป็นต้น กล่าวว่า พระยมเป็นตุลาการของผู้ตายและเป็นเจ้าแห่งผู้ตกนรก บรรดาคนที่ตายไปแล้วต้องไปเฉพาะพักตร์พระยม เพื่อฟังข้อความที่พระจิตรคุปตะเทพบุตรได้จารึกไว้ในเรื่องกุศลและอกุศลกรรมของตน ผู้ที่ได้ทำบุญพระยมก็ส่งไปสวรรค์ ผู้ที่ได้ทำบาปก็ใส่ไปลงนรกเพื่อรับทัณฑ์กรรมต่อไป

ตามวิษณุปุราณะกล่าวไว้ว่า บรรดาคนที่ตายต้องตกไปอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์พระยมทั้งสิ้น และจะต้องทนทุกขเวทนาต่าง ๆ เว้นเสียแต่ผู้ที่นับถือและบูชาพระวิษณุอยู่เป็นนิตย์เท่านั้น และตามความนิยมของพวกพราหมณ์ว่า วิญญาณแห่งผู้ตายจะออกจากร่างไปถึงถิ่นของพระยมได้ภายใน 4 ชั่วโมง 40 นาที เพราะฉะนั้นจะเผาศพก่อนที่คนตายไปแล้วเกินเวลาที่กำหนดนั้นไม่ได้

พระนามพระยมมีเรียกกันอยู่มาก ๆ ยังมีอยู่อีกดังต่อไปนี้

  1. ธรรมราชา
  2. ปิตฤปติ เป็นใหญ่ในหมู่บิดา (คือ บรรพบุรุษ)
  3. สมวรติ ผู้ตัดสินเที่ยง
  4. สะมะนะ ผู้สงบ
  5. กาละ เวลา (ที่ใช้พูดกันอยู่ว่า พระกาลมาผลาญ)
  6. ทัณฑธร ผู้ถือไม้ (สำหรับลงอาญา)
  7. ศรัทธะเทวะ เจ้าแห่งการทำศพ
  8. ไววัสวตะ เกิดพระวิวัสวัต (พระอาทิตย์)
  9. อันตะกะ ผู้ทำให้ถึงที่สุด (แห่งชีพ)
  10. มหิเษส ผู้ทรงมหิงสษ์

ตามรูปเขียน สีกายเขียว ภูษาแดง ทรงมงกุฎ และมาลาประดับเกศา ถือคฑา ทรงกระบือเป็นพาหนะ แต่ข้างไทยเราว่า ทรงสิงห์เป็นพาหนะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *