อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้า เทพยดา เทวดา ภูตผีปีศาจ

บทความตอนที่ 1 กล่าวถึงเรื่องของ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ อำนาจพิเศษ “อภิญญาจิต” และได้กล่าวถึง อิทธิฤทธิ์ของเทพยดา เทพเจ้า เทวดา ในบทความที่ 2 กล่าวถึง เรื่องของ อิทธิฤทธิ์ของผู้ทรงฌาน อิทธิฤทธิ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณ ซึ่งในเรื่องของอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณนั้น มากล่าวเพิ่มเติมในบทความนี้ และในบทความตอนสุดท้าย (4) กล่าวถึงเรื่อง วิญญาณแสดงอิทธิฤทธิ์ปรากฏตัวเพื่อทำร้ายและเพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์

โดยทั่วไปแล้ว วิญญาณที่แสดงอิทธิฤทธิ์ปรากฏให้เห็นร่างหรือทำให้ได้ยินเสียง หรือแสดงปาฏิหาริย์ต่าง ๆ มักถูกเรียกว่า “ผี” และด้วยเหตุที่ “ผี” ไม่ได้ปรากฏให้คนทุกคนเห็นเสมอไป คนส่วนใหญ่จึงยังเชื่อว่า วิญญาณหรือผีเป็นปรากฏการณ์ที่น่ากลัว แต่มีผู้รู้บางท่านพยายามศึกษาหาความจริงในเรื่องวิญญาณ เช่น ได้ศึกษาเรื่องกาปรากฏตัวของผี โดยอาศัยวิทยาศาสตร์ทางฟิสิกส์มาช่วยพิจารณาลักษณะการปรากฏตัว ผลการศึกษา พบว่า สภาวะที่ผีหรือวิญญาณจะปรากฏตัวนั้น มีโดยสรุปได้ดังนี้

  1. ผีชอบปรากฏตัวในเวลากลางคืน (เริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว) ช่วงเวลาในการปรากฏตัวแต่ละครั้งประมาณ 2 – 10 วินาที หรือมากกว่านั้นเล็กน้อย เมื่อปรากฏตัวแล้วก็หายไป ชั่วครู่หนึ่งจึงจะปรากฏตัวได้ใหม่อีก
  2. ผีจะปรากฏตัวในที่มืด ดังนั้น ต้องเปล่งแสงสว่างได้ด้วยตัวเอง จึงสามารถทำให้มนุษย์มองเห็นได้ ผีเปล่งแสงสว่างเรืองได้ มีกำลังส่องสว่างอยู่ในช่วงความเข้มแสง ประมาณ 1 –  20 แรงเทียน
  3. ในการปรากฏร่างของผี มักพบว่า ผีมีรูปร่างเป็นตัวเป็นตนคล้าคน ไม่เปลือยกายล่อนจ้อน แต่ะจะสวมเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งส่วนมากจะมีลักษณะเป็นผ้าห่อศพ ผ้าตราสังพันกายหรือบางครั้งก็สวมเสื้อผ้าเหมือนคนธรรมดา แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปจากคนธรรมดา คือ ทั้งเครื่องนุ่งห่ม ใบหน้าและผิวหายของผี มักปรากฏในรูปลักษณะเป็นสีขาว คล้ายหมอกควัน บางครั้งอาจมีสีน้ำเงิน สีเขียวแก่ สีเหลืองอมแดง เจือปนอยู่กับแสงสีขาวนั้นด้วย ภาพร่างของผีที่ปรากฏ มักจะเป็นภาพราง ๆ โปร่งแสง มองทะลุไปได้บ้าง และมีขนาดตัวเล็กกว่าคนธรรมดาโดยทั่วไป
  4. ประมาณ ร้อยละ 99 ของผีที่จะปรากฏตัว โดยหันหน้าเข้าหาผู้ประสบเหตุมีน้อยมากที่กล่าวว่า ผีปรากฏตัวโดยหันด้านข้างให้ผู้ประสบเหตุ ไม่เคยปรากฏรายงานที่เป็นหลักฐานเชื่อมั่นได้ว่า ผีปรากฏตัวขึ้นมาโดยหันหลังให้ผู้ประสบเหตุที่พบแบบแปลก ๆ ออกไปก็คือ ผีอาจจะตีลังกา กลับหัวและลิ้นหลอกเท่านั้นเอง
  5. จากรายงานเรื่องผี พบว่า ร้อยละ 30 ของผี จะปรากฏร่างเป็นมนุษย์หรือคล้ายมนุษย์ แต่มีรายงานบางเรื่องกล่าวว่า ผีอาจปรากฏร่างเป็นสัตว์ เช่น ผีหมา ผีวัว ผีลิง เป็นต้น
  6. ผู้ที่เคยพบผีในระยะกระชั้นชิดทุกราย ต่างรายงานสภาพการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของบรรยากาศในบริเวณที่เกิดเหตุว่า อากาศเย็นลงในทันที ส่วนใหญ่จะรู้สึกว่า อุณหภูมิของอากาศจะเย็นวูบลงอย่างฉับพลัน ก่อนหน้าหรือในขณะเดียวกับการปรากฏตัวของผี ณ บริเวณนั้น
  7. ถ้ามีเสียงหรือกลิ่นปรากฏขึ้นมาพร้องกับการปรากฏตัวของผี เสียงหรือกลิ่นนั้นมักจะเกิดขึ้นแต่เพียงเล็กน้อยพอที่จะรับรู้ได้เท่านั้น เสียงที่เกิดขึ้นมักเป็นเสียงธรรมดาทั่ว ๆ ไป เช่น เสียงลมหายใจหอบ เสียงคนฮำเพลง เสียงคนร้องไห้ เสียงคนกระซิบพูด เสียงหัวเราะ เสียงล่ามโซ่ เสียงเดิน เสียงกระดิ่งระฆัง ส่วนกลิ่นที่ปรากฏมักเป็นกลิ่นเหม็น กลิ่นดอกไม้ป่า กลิ่นธูป กลิ่นสาบสาง กลิ่นอับชื้น กลิ่นคาวเลือด กลิ่นสาบเหงื่อ

เรื่องเกี่ยวกับวิญญาณหรือผีนี้ ไม่ว่าวิญญาณหรือผีจะแสดงอิทธิฤทธิ์ในการปรากฏตัวอย่างไรก็ตาม จุดมุ่งหมายหรือจุดประสงค์ในการปรากฏตัวก็จะมีลักษณะคล้าย ๆ กันอยู่ 3 ประการ คือ

วิญญาณแสดงอิทธิฤทธิ์ปรากฏตัวเพื่อให้ความช่วยเหลือ

วิญญาณที่แสดงอิทธิฤทธิ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือ มักเป็นวิญญาณของบรรพบุรุษ หรือวิญญาณของผู้มีคุณธรรมวิญญาณของบรรพบุรุษที่แสดงอิทธิฤทธิ์เพื่อช่วยเหลือ วิญญาณที่มาอารักขานั้น เป็นวิญญาณบรรพบุรุษที่สร้างสมผลบุญไว้มาก ถือเป็นวิญญาณชั้นสูง มีพลังจิตที่แข็งแกร่ง เนื่องจาก เป็นวิญญาณที่มีอายุยาวนาน ผ่านการรักษาความสงบทางจิตใจตั้งแต่ 300 – 700 ปี วิญญาณเหล่านี้ เป็นวิญญาณที่หลุดพ้นจากการยึดมั่นในสังขาร ฉะนั้น การปรากฏแต่ละครั้ง จึงไม่แสดงให้เห็นรูปร่างหน้าตา ปกติวิญญาณอารักขาจะปรากฏเมื่อมนุษย์ตกอยู่ในภาวะคับขันต้องการความช่วยเหลือ มิใช่ตามให้การช่วยเหลือทุกเรื่องเสมอไป วิญญาณอารักขามีสามัญสำนึกและดุลพินิจในการให้ความช่วยเหลือแก่มนุษย์ ว่า เรื่องใดควรหรือไม่ควร เรื่องที่มักให้ความช่วยเหลือ คือ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับมนุษยธรรม ไม่ใช่เป็นการหาผลประโยชน์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ความพยายามของวิญญาณอารักขา คือ การชักจูงให้มนุษย์ทำความดี มีอุปนิสัยและจิตใจดีงาม เพื่ออยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุข วิญญาณอารักขาผู้หญิงจะอารักขามนุษย์ผู้หญิง ส่วนวิญญาณอารักขาผู้ชายก็จะอารักขามนุษย์ผู้ชาย

วิญญาณของผู้มีคุณธรรมที่แสดงอิทธิฤทธิ์เพื่อให้ความช่วยเหลือ โดยใช้วิธีแนะนำ ตักเตือน การที่วิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตไปก่อนมีโอกาสพบปะกัน ช่วยให้เกิดการเรียนรู้เรื่องการใช้ชีวิตของเหล่าวิญญาณต่างระดับกัน ทำให้วิญญาณเข้าใจหลักในการดำเนินชีวิต เพื่อไปสู่สิ่งที่ถูกต้องดีงาม เมื่อรู้แล้ว ก็เพิ่มความห่วงใยมนุษย์ที่อยู่เบื้องหลัง ได้พยายามหาทางติดต่อ บอกกล่าวตักเตือนให้มนุษย์รู้จักสำนึกตัว เมื่อถึงเวลาที่ไปสู่โลกวิญญาณ จะได้ไม่ต้องบกับความทุกข์ยากลำบาก เช่น วิญญาณล่วงหน้าอื่น ๆ ประสบมาแล้ว เมื่อใดที่มนุษย์มีจิตใจไขว้เขว เกิดความสับสนไม่สามารถควบคุมความนึกคิกที่ลุ่มหลงไปกับตัณหาราคะ วิญญาณแฝงก็จะปราฏให้มนุษย์เห็น และทำให้คิดถึงสิ่งที่วิญญาณต้องบอกกล่าวตักเตือน รู้จักการให้และแบ่งปันแก่ผู้ด้อยกว่า ไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นความเดือดร้อนแก่เพื่อนมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ หากมนุษย์สามารถรวบรวมกาย วาจา ใจ ให้อยู่ในกรอบของศีลธรรมอันดีงามได้ สายใยความผูกพันระหว่างวิญญาณกับมนุษย์จะกระชับแน่นแฟ้นและใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ นอกจากเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงกับผู้ที่ปฏิบัติตนแล้วผลบุญที่สร้างสมไว้ ก็จะช่วยให้วิญญาณแฝงนั้นหลุดพ้นจากโลกวิญญาณได้เร็วขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *