ควบคุมน้ำตาล คอเรสเตอรอล เพื่อการผ่าตัด ทำให้น้ำหนักลดลงไป 10 กิโลกรัมแล้ว

วันนี้ จะมาเล่าเรื่องที่ต่อเนื่องกันกับเรื่องที่ได้เล่าไปแล้ว เกี่ยวกับ “การผ่าตัด” นะคะ จากที่ต้องควบคุมน้ำตาลในร่างกาย คอเรสเตอรอล และไขมันเลวและดี นั้น มีผลต่อเนื่องมา จากที่เริ่มปรับก่อนการผ่าตัด 3 สัปดาห์ และต่อเนื่องมาจนตอนนี้ ก็หลังผ่าตัดมาได้ 3 สัปดาห์ รวมกับการอยู่โรงพยาบาล อีก 1 สัปดาห์ ก็ใกล้จะสองเดือนแล้วนะคะ น้ำหนักเราลดไปได้ 10 กิโลกรัมแล้ว จาก 76 กิโลกรัม ตอนนี้ มาอยู่ที่ 67 กิโลกรัม กับส่วนสูง 166 เซนติเมตร (อายุ 52 ปี) และเมื่อก่อนถ่ายภาพต้องใช้ฟิลเตอร์ของกล้องนะ เพื่อลดรอยคล้ำของใบหน้า ตอนนี้ เรากล้าถ่ายสดเลยนะ เพราะรู้สึกว่า จากการทานอาหารทำให้เราหน้าดูใสขึ้นนะ และเราไม่ได้ใช้ครีมบำรุงอะไรเป็นพิเศษนะ ใช้ธรรมดาปกติตลอด

สิ่งที่ต้องบอกก่อน คือ ไม่มีการทานอาหารเสริม วิตามิน ช่วยใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นการควบคุมอาหารที่เราทานนะคะ และไม่มีการอดอาหาร ทานเต็มที่ วันนึงเราทานเกือบหลายมื้อมาก หิวเมื่อไหร่ก็ทาน แต่ที่สำคัญ เราจะไม่ทานมื้อดึก เต็มที่ที่เราทานตอนดึก คือ มีวันเดียว ที่เราทานยาไป เพราะรู้สึกเจ็บแผลมาก วันนั้น มีช่างมาล้างแอร์ และมาย้ายเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน วุ่นวาย เราก็ได้ไปช่วยในส่วนที่คิดว่าทำได้ คือ ดันเตียง แต่มันเจ็บมาก จนเมื่อช่างกลับไปแล้ว ก็อาบน้ำและทานยานอน ตื่นมาเกือบจะทุ่มครึ่งแล้ว หิวมาก เลยต้องไปหาอะไรทานค่ะ แต่ที่ทานมื้อนั้นก็คือ เต้าหู้ต้มกับไข่ค่ะ ทำเป็นน้ำซุปเต้าหู้กับไข่

อาหารมื้อเช้าที่ทาน จะมีแป้งกับน้ำตาลบ้าง หรือมีของหวานบ้าง เช่น ขนมปังโฮมสวีต กับแยมเปลือกส้ม (ของโปรดมาก เรียกว่า ขาดไม่ได้เลย) การทานของหวานบ้าง จะช่วยให้เราไม่รู้สึกขาดหวานไปนะคะ วันก่อนไปทานสุกี้เอ็มเค ก็ยังทานไอศกรีมนะคะ แต่ทานลูกเดียว คือ เราไม่ได้งดหวานเลย มีทานบ้าง แต่ไม่มาก แต่พยายามลดลง จากที่เคยทานมาก เช่น เมื่อก่อนทานขนมปังปิ้งตอนเช้ากับแยม สองแผ่น ก็ลดเป็นหนึ่งแผ่น และลดแยมลง ทาเพียงบาง ๆ ให้ได้รสชาติค่ะ และเช้าเราก็จะมีทานไข่ค่ะ สารพัดไข่ แต่ส่วนมาก เราจะทำในกระทะ แต่ไม่ใช้น้ำมันเลยคะ งดใช้น้ำมันในการทำอาหารเลยคะ และอาหารมื้อเช้าหลักของเราอีกอย่างคือ ไข่ตุ๋นค่ะ เราเน้นทำแบบนิ่ม ๆ แบบญี่ปุ่น เกาหลีนะ แต่ไม่ได้กรอง (ขี้เกียจ เน้นนุ่มพอคะ) เห็นหลายคนบอกให้ทานไข่ต้ม โดยส่วนตัวเราไม่ชอบไข่ต้มนะ เราว่ามันติดคอนะ แล้วแต่ความชอบนะคะ

อาหารมื้อกลางวันนั้น เราจะทานข้าวบ้างในบางครั้ง แต่ก็เพียงแค่ 1-2 คำนะคะ ถือว่า น้อยมาก แต่ในช่วงแรกหลังการผ่าตัดกลับมาบ้านสัปดาห์แรก เรายังทานข้าวทุกมื้อนะคะ มื้อละ 4-5 คำ แล้วก็ค่อย ๆ ลดลงมา และเริ่มมาทานในมื้อกลางวันมื้อเดียว แต่ไม่ได้ทานทุกวัน เรียกว่า นาน ๆ ครั้งเลย อาหารมื้อกลางวัน ส่วนมากเราก็จะทานเป็นพวกผัดผักกับอกไก่ หรือพวกผักผักกับไข่คะ เช่น อกไก่ผัดขิง บล็อกโคลี่ผัดกับอกไก่ ผักกะหล่ำปลีตุ๋นกับอกไก่ใส่เห็ดหอมเยอะ ๆ จริง ๆ อาหารเราเน้นให้มีผัก และทานกับอกไก่ค่ะ

สำหรับอาหารมื้อเย็น เราเน้นทานโปรตีนคะ พวกปลาย่าง กุ้งอบ อกไก่ย่าง และถ้าช่วงไหนถ่ายไม่ค่อยออก เราจะเน้นทำแบบต้ม ตุ๋นทานคะ ก็มีทำพวกสุกี้น้ำ ต้มผักกาดขาวกับวุ้นเส้นใส่อกไก่ และอาหารที่เราไว้ทานเสริมโปรตีนคือ ประเภทถั่วต้ม ถั่วเขียวต้ม ต้มแบบรวมสารพัดถั่วค่ะ ต้มเอาไว้ทานเป็นอาหารว่าง บางทีก็ทานเป็นมื้อหลักเลยค่ะ ในบางครั้งเราก็มีทานโยเกิร์ตก่อนนอนด้วยนะคะ เน้นแบบรสธรรมชาติ แต่ก็มีทานแบบน้ำผึ้งด้วยคะ

สิ่งสำคัญคือ การทานผลไม้ค่ะ เราจะทานเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวนะคะ สับปะรด แอปเปิ้ลเขียว แต่เราจะชอบนำมาแยกน้ำมากกว่า นิสัยไม่ค่อยดี ชอบเอาทุกอย่างเข้าเครื่องแยกกาก แต่เราจะรวมหลายอย่างเลย เช่น ใน 1 แก้ว เราจะมี บล็อกโคลี่ ส้มจี๊ด (ที่บ้านปลูกเอง ออกตลอดทั้งปี) แครอท แอปเปิ้ลเขียว เราทำแบบนี้ทานตลอด แต่จะผสมเปลี่ยนไปเรื่อยคะ แต่ช่วงนี้จะทำทานแค่สัปดาห์ละครั้งค่ะ เพราะต้องควบคุมน้ำตาลในเลือด และที่ขาดไม่ได้เลย คือ น้ำเปล่าค่ะ เราจะตั้งไว้เลย 3 ลิตร หรือ 3 ขวด ในแต่ละวัน พยายามทานให้หมด บางวันก็ทานเกินค่ะ เพราะเราต้องกรองน้ำเติม เราจะทราบว่า เราทานวันละเท่าไหร่นะคะ และสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างนะคะ ลดโซเดียมคะ อาหารที่เราทำทานทั้งหมด เราใช้เครื่องปรุงแบบลดโซเดียมที่มีขายในห้างค่ะ และบางครั้งก็ไม่ได้ใส่อะไรเลย อย่างผัดแครอทกับไข่ เราใส่เกลือนิดเดียว ให้ความหวานของผักออกมา ผัดมะเขือเทศกับไข่ก็เหมือนกัน แค่ใส่เกลือนิดเดียวค่ะ ปลาย่างเราไม่ได้ใส่อะไรเลยนะคะ เมื่อย่างเสร็จ เราจะบีบมะนาวค่ะ เพิ่มรสเปรี้ยวนิดนึง กุ้งอบเราก็ใส่เกลือนิดเดียวคะ อาหารทุกอย่างเราเน้นลดโซเดียมด้วยนะคะ  

ที่เล่ามาทั้งหมด เป็นเพียงอาหารบางส่วนที่เราทำทานนะคะ แต่เราขอเน้นย้ำกับทุกคนนะคะ การจะลดหรือควบคุมน้ำหนัก ต้องไม่อด และไม่งดของหวานนะคะ แต่ให้ทานให้น้อยที่สุด เท่าที่เราจะทำได้นะคะ เราเองก็จะลดต่อไปค่ะ ตั้งเป้าไว้ที่ 57 กิโลกรัมค่ะ ขอลดอีกสัก 10 กิโลกรัม และก็จะพยายามควบคุมน้ำหนักตัวเองให้ได้ในระดับนี้ตลอดไปนะคะ ด้วยเพราะอายุที่เยอะมากขึ้นนะ และที่สำคัญเราไม่อยากเป็นโรคร้าน หรือโรคที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาค่ะ โรคเบาหวาน โรคไขมัน คอเรสเตอรอลต่าง ๆ พวกนี้ มันต้องควบคุมอาหารนะคะ สำหรับทุกท่านที่มีคุณพ่อคุณแม่ ที่มีอาการป่วยด้วยโรคต่าง ๆ พยายามนะคะ ควบคุมอาหารก่อนนะคะ ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ต้องการมีสุขภาพที่ดี แข็งแรงนะคะ และยังควบคุมน้ำหนักของเราได้ด้วยนะคะ

ท้ายสุดนี้ พยายามทานอาหารให้หลากหลาย ครบทั้ง 5 หมู่นะคะ (ทำอาหารให้หลากหลาย เราจะได้ไม่เบื่ออาหารนะคะ และอย่าพยายามอดอาหารนะคะ) แล้วไว้จะมาอัปเดทให้ใหม่นะคะว่า จะถึงที่วาดฝันต้องใช้เวลาเท่าไหร่คะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *