“หอมจังเลย แม่ทอดอะไรครับ”

“ขอผมชิม 2 ชิ้นครับ แหมอร่อยมาก ทอดเยอะ ๆ นะครับ ผมชอบ”

คำชื่นชมที่แสนภาคภูมิใจ จนทำให้คุณแม่บ้านยิ้มแก้มแทบปริ และพร้อมจะทำอาหารเพิ่มขึ้นตามคำขอของสมาชิก ต้องยอมรับว่า อาหารที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ นอกจากจะมีรสชาติดีมาก กลิ่นก็เชิญชวนให้กิน เนื้อสัมผัสของอาหารที่นุ่มไม่แข็งกระด้าง เคี้ยวง่ายแถมเก็บได้นานกว่าอาหารการปรุงด้วยวิธีอื่น ๆ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นคุณสมบัติที่ดี และคุณสมบัติที่สำคัญของไขมันอีกประการ คือ มันจะไปเกาะกระจายทั่วร่างกาย เพื่อช่วยห่อหุ้มอวัยวะภายในไม่ให้ได้รับการกระทบกระเทือน ไขมันจะทำให้ดูผิวพรรณเปล่งปลั่ง เต่งตึง เอ๊ะ! ดูดูก็เป็นส่วนดีนะ ถ้ากินในปริมาณที่พอเหมาะกับความต้องการเหมาะกับเพศ วัย และกิจวัตรประจำวันที่ทำ ซึ่งข้อปฏิบัติเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยและธงโภชนาการ แนะนำว่า ควรได้รับไขมันในแต่ละวัน ร้อยละ 20 – 30 ของพลังงานทั้งหมด สำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานวันละ 1,600 กิโลแคลอรี่ ไม่ควรกินไขมันที่นำมาใช้ปรุงอาหารเกิน 5 ช้อนชา ผู้ที่ต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่ ไม่ควรเกิน 7 ช้อนชา และผู้ที่ต้องการพลังงานวันละ 2,400 กิโลแคลอรี่ ไม่ควรเกิน 9 ช้อนชา เพราะหนึ่งช้อนชาให้พลังงาน 45 กิโลแคลอรี่ และร่างกายยังได้รับไขมันจากอาหารประเภทเนื้อสัตว์นมและถั่วเพิ่มอีกด้วย

แต่มันเป็นเรื่องยากมากทีเดียว เพราะอาหารหลายอย่างที่ไม่ได้ปรุงประกอบเอง จึงทำให้การคำนวณน้ำมันที่พ่อค้า แม่ขาย ใส่ลงไปเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย และตรงไปตรงมาเหมือนบวกเลข แต่ที่เห็นชัดมาก คือ การห้ามใจ หักห้ามปากไม่ได้ เมื่อเจออาหารอร่อยซึ่งเมนูยอดฮิตส่วนใหญ่จะปรุงโดยวิธีการผัด และทอดเป็นส่วนใหญ่แล้วอย่างนี้ไขมันส่วนเกินที่ร่างกายใช้ไม่หมด จำเป็นต้องหาที่อยู่อาศัยตามหน้าท้อง สะโพก เอว หรือแม้แต่ในเส้นเลือดอยากจะขอบอกคุณแม่บ้าน กุ๊กคนเก่งของเราว่า ต้องวางแผนจัดรายการอาหารที่ปรุงโดยการต้ม แกง หรือเป็นน้ำพริกผักสด ผักลวก หรือยำ ให้สมาชิกในบ้านที่หุ่นจะเป็นพะโล้ นะจะบอกให้