ความรู้ทางโหราศาสตร์เกิดจากการสังเกตเทพวัตถุบันท้องฟ้าของคนโบราณ และบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลก เก็บเป็นสถิติจนเกิดเป็นองค์ความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ (empirical knowledge) สิ่งที่โหราศาสตร์ศึกษา คือ ดาวเคราะห์ความหมายของดาว การโคจรของดวงดาว จักรราศี ธาตุประจำราศี ความหมายของธาตุอิทธิพลของสัญลักษณ์และความหมาย เรือน ชะตา มุมสัมพันธ์การแปลความหมาย มีสองแนวทางที่เน้นเหตุการณ์กับเน้นบุคคลเป็นสายกลาง
โหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการทำนาย การพยากรณ์ชะตา การดูดวงชะตาของมนุษย์ และปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของโลก อาศัยการโคจรของดวงดาวเป็นหลัก มีการรวบรวมเป็นสถิติเพื่อเป็นข้อมูลในการพยากรณ์ให้มีความแม่นยำอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน มีความเชื่อมโยงทั้งตำแหน่ง และการเคลื่อนไหวของดวงดาวเชิงดาราศาสตร์ การดูดวงชะตาของมนุษย์จะขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของดวงดาว จะส่งผลต่อบุคลิกลักษณะของบุคคล การดำเนินชีวิตของบุคคล และการรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหวางบุคลิกลักษณะของคนกับการเคลื่อนไหวของดวงดาว จะทำให้โหราจารย์สามารถล่วงรู้อดีต และทำนายเส้นทางที่จะเป็นไปของบุคคลนั้นได้
ประเภทของโหราศาสตร์ ประเภทของการทำนายทายทัก
โหราศาสตร์ตามลักษณะการทำนายทายทัก มี 4 ประเภท
- การทำนายด้วยลางบอกเหตุ (Omen) เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น การปรากฏขึ้นที่ผิดปกติของสัตว์ การเคลื่อนที่ของนกและแมลง ปรากฏการณ์เหล่านี้ส่อให้เห็นถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา ตัวอย่างเช่น การอพยพของกบจำนวนมากเกิดขึ้นอย่างผิดปกติไม่กี่วันก่อนการเกิดแผ่นดินไหว 8 ริกเตอร์ในประเทศจีน เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 หรือ กรณีมดย้ายรังขึ้นที่สูง มักจะเกิดก่อนฝนตกไม่กี่ชั่วโมง เป็นต้น เรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่วิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับธรรมชาติโดยส่วนรวมไม่เกิดเฉพาะเจาะจงกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
- การทำนายโดยอาศัยอำนาจจิตหรืออ้างอำนาจเทพเจ้า เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอนาคต สัญชาตญาณ การใช้อำนาจจิต หรือการเข้าเจ้าทรงผี เพื่อการทำนายทายทัก การทำนายด้วยคนทรงนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในกรีกมีการทำนายที่อ้างอำนาจเทพเจ้าเรียกว่า ออราเคิล (Oracle) ที่วิหารเดลไฟ (Delphi) มีนักบวชสตรีที่เรียกว่า ไพเธีย (Pythia) หรือไพธอเนส (Pythoness) อยู่อาศัยกับงูอันเป็นสัญลักษณ์ของการทำนายและปัญญา เมื่อมีผู้มารับการทำนายเธอจะทำตัวเองให้อยู่ในภวังค์ บางครั้งมีการดื่มเลือด สูดควัน หรือเคี้ยวใบไม้บางอย่าง จากนั้นก็จะออกคำทำนายเป็นภาษาที่คลุมเครือโดยจะมีนักบวชแปลความเป็นร้อยกรองให้ผู้มาถมปัญหาอีกทีหนึ่ง
- การทำนายด้วยสัญลักษณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับบุคคล คือ การตีความจากสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับบุคคลนั้น ได้แก่ ดวงชะตากำเนิด (ตำแหน่งดวงดาวต่าง ๆ ในขณะบุคคลถือกำเนิดจากครรภ์มารดา) ลักษณะ หน้าตา ร่างกาย ลายมือ ลายเท้า ความฝัน ลักษณะการจัดที่อยู่อาศัยรวมไปถึงลายเซ็น เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถสะท้อนลักษณะบางประการของบุคคลออกมา คำทำนายที่ใช้กันเกิดขึ้นจากการศึกษาและเก็บสถิติมาเป็นระยะเวลานาน
- การทำนายด้วยการเสี่ยงทาย เป็นการทำนายได้รับความนิยมอย่างมาก เช่นกัน การเสี่ยงทายมีปรากฏมาตั้งแต่โบราณในอินเดียโบราณ มีการทำนายชีวิตแต่งงานของเจ้าสาว โดยให้สตรีเสี่ยงทายเลือกสิ่งหนึ่งจากของที่ปกปิดไว้ 5 อย่าง มีเมล็ดพันธุ์พืชต่าง ๆ ดินจากแท่นพิธีกรรม ดินจากแปลงเกษตร มูลวัว และดินจากที่เผาศพ คำทำนายของการเลือกเป็นไปตามสิ่งที่เลือกได้ ถ้าเลือกเมล็ดพันธุ์ก็จะเจริญรุ่งเรืองในพืชชนิดนั้น ถ้าเลือกดินจากแท่นพิธีก็จะเจริญในทางศาสนา ถ้าเลือกดินจากแปลงเกษตรก็จะเจริญในทางเกษตรกรรม ถ้าเลือกได้มูลวัวจะเจริญในทางปศุสัตว์และถ้าเลือกได้ดินจากที่เผาศพหมายถึงไม่เป็นมงคล
โหราศาสตร์ที่ใช้ดวงดาวในการทำนาย
โหราศาสตร์ที่ใช้ดวงดาวในการทำนาย มีการแบ่งตามลักษณะการใช้งานได้ 7 ประเภท
- การดูดวงชะตาบุคคล (Natal Astrology) เป็นการใช้โหราศาสตร์ที่รู้จักกันมากที่สุด โดยคำนวณตำแหน่งของดวงดาวต่าง ๆ ตามวันเวลาเกิดของบุคคลได้เป็นดวงชะตา นำมาวิเคราะห์ลักษณะ และแนวโน้มชีวิตของบุคคล แบ่งออกเป็น 2 แนว คือ การพยากรณ์การดูดวงพื้นชะตาชีวิต เพื่อให้ทราบถึงพื้นนิสัย ทัศนคติ ฐานะ แนวโน้มของการดำเนินชีวิต และการพยากรณ์ ชะตาจร เพื่อทำนายอนาคต เป็นการเตรียมตัวแก้ไขล่วงหน้า
- การดูดวงชะตาบ้านเมือง (Mundane National astrology) โดยใช้วันเวลาสำคัญของประเทศแทนวันกำเนิด เช่น กรุงเทพมหานครใช้วันที่ 21 เมษายน 2325 เป็นวันวางพระฤกษ์เสาหลักเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นดวงกำเนิดของเมืองหลวง จากนั้น จึงคำนวณดวงชะตาของประเทศแล้วนำมาทำนายเหมือนดวงบุคคลโดยเปลี่ยนเป็นบริบทของประเทศ เช่น การดูแนวโน้มของสงคราม ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เป็นต้น
- โหราศาสตร์ธรรมชาติ หรืออุตุนิยมโหราศาสตร์ (Natural or Meteorological Astrology) เป็นการดูสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติด้วยตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้า เช่น การเกิดภัยธรรมชาติแผ่นดินไหว พายุ เป็นต้น
- โหราศาสตร์การเกษตร (Agricultural Astrology) เป็นการใช้ตำแหน่งดวงดาว เพื่อช่วยในการเกษตร เช่น การกำหนดวันเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว เป็นต้น
- โหราศาสตร์การแพทย์ (Medical Astrology) เป็นการเชื่อมโยงดวงดาว และจักรราศีต่าง ๆ เข้ากับอวัยวะของร่างกายแล้วใช้ความสัมพันธ์ของปัจจัยเหล่านี้วินิจฉัยโรคภัยไข้เจ็บทางร่างกาย ตลอดจนนำมาช่วยในการทำจิตบำบัด เช่น ถ้าดาวบาปพระเคราะห์ไปสถิตย่อมแสดงถึงจุดอ่อนของร่างกายอันจะก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นได้
- โหราศาสตร์การคลัง (Financial Astrology) เป็นวิชาที่กล่าวถึงภาวะทางการเงิน การเศรษฐกิจ การธนาคาร การค้า สินค้า การแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ สามารถนำเอาดวงดาวมากำหนดเป็นสถิติที่ถูกต้องถึงภาวะการเงิน เงินฝืด เงินเฟ้อ เงินตึง เป็นต้น
- การเลือกวันเวลาที่เหมาะสม หรือการหาฤกษ์ (Electional Astrology) เป็นการกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ โดยใช้ตำแหน่งดวงดาว เช่น การหาวัน เวลา ที่เป็นมงคลสำหรับการเปิดกิจการค้า เป็นต้น
หลวงวิจิตรวาทการกับโหราศาสตร์ การทำนายทายทัก
หลวงวิจิตรวาทการ ได้กล่าวถึง โหราศาสตร์ ว่าหมายถึง วิชาทำนายการณ์ ล่วงหน้าบางอย่างใช้กำลังดวงจิต บางอย่างไม่ต้องใช้ แบ่งโหราศาสตร์ออกเป็น 10 ประการ คือ
- วิชาทำนายโดยถืออำนาจดวงดาวเป็นเกณฑ์ (astrology) หมายความว่า การเอา วัน เดือน ปี และเวลาตกฟากมาคำนวณแล้วทำนายตามหลักเกณฑ์ของโหราศาสตร์ และหมายเอาประเภทอื่น ๆ ด้วย เช่น เลข 7 ตัว
- วิชาทำนายด้วยการดูลักษณะคน (Physiognomony) ที่เรียกว่า “นรลักษณ์”
- วิชาทำนายด้วยการดูเส้นลายมือ (Chiromancy) ที่เรียกว่า “หัตถศาสตร์”
- วิชาทำนายด้วยลักษณะของผู้คน โดยการดูลายมือเขียนหนังสือของเขา (Graphology)
- วิชาทำนายไพ่ (Cartomanycy)
- วิชาทำนายฝัน (Oniromancy)
- วิชาทำนายด้วยการจับต้องสิ่งใดสิ่งหนึ่ง (Psychometry) อย่างที่หมอจีนทำนาย โดยวิธีจับเส้นตรวจเลือดลม
- ทิพจักษุ (Chairvoyance)
- ลางต่าง ๆ (Presage)
- การเสี่ยงตาย (Oracle)
โดยสรุปแล้ว โหราศาสตร์สามารถสรุปได้ 2 ประเภท คือ โหราศาสตร์เพื่อทำนายปัจจุบัน เป็นการทำนายลักษณะพื้นฐานของบุคคล อุปนิสัยใจคอ พฤติกรรม เป็นต้น และโหราศาสตร์เพื่อทำนายอนาคต เป็นการคาดเดาเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อการเตรียมพร้อมรับมือหรือเฝ้าระวัง เป็นต้น