อย่าตกเป็นเหยื่อของการ “ถูกล่วงละเมิดทางเพศ” เพศหญิง – ชาย เท่าเทียมกัน

น้อง ๆ คงจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องเพศมากมายทั้งข่มขืน ทารุณกรรมทางเพศ และการล่วงละเมิดทางเพศอื่น ๆ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ ยิ่งเด็ก ๆ ยังไม่รู้จักป้องกันตัวหรือระวังภัยให้กับตนเอง ยิ่งทำให้ตกเป็นเหยื่อของผู้ประสงค์ร้ายได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ ดังนั้น น้อง ๆ ทั้งหลายควรจะรู้จักวิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าหรือคนที่รู้จักก็ตาม กันไว้ดีกว่าแก้จะดีที่สุด

รู้จักสถานที่และเวลาที่ปลอดภัย

น้อง ๆ ควรรู้ว่า ที่ใดควรไป ไม่ควรไป เวลาไหนไม่ควรอยู่นอกบ้าน และไม่ควรไปไหนคนเดียว เช่น มืดค่ำแล้วไม่ออกไปนอกบ้าน ไม่ไปในที่เปลี่ยว ใครชวนไปไหนก็ไม่ควรไป ถึงจะอ้างว่า พ่อแม่ให้มารับก็อย่าไปหลงเชื่อเด็ดขาด

รู้จักความเป็นส่วนตัว

ร่างกายของเราเป็นของเรา ต้องไม่ให้ใครแตะต้อง ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะส่วนไหน เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว เด็ก ๆ ก็มีสิทธิที่จะปกป้องและห้ามใครมาแตะต้อง ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นเพื่อนหรือญาติก็ตาม นอกจากนี้ น้อง ๆ เองก็ต้องแต่งตัว ใส่หรือถอดเสื้อผ้าในที่มิดชิด ไม่แต่งตัวต่อหน้าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หวงเนื้อหวงตัวไว้เป็นดี ที่สำคัญการแต่งตัวเปิดโน่นโชว์นี่จนเกินไป เช่น ตัวอย่างที่พบเห็นได้ตามสื่อต่าง ๆ ก็เป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสม น้อง ๆ วัยนี้สดใสน่ารักอยู่แล้ว ควรแต่งตัวให้เรียบร้อยสมวัยจะน่าชื่นชมกว่า

รู้จักแยกแยะสัมผัสที่ดี สัมผัสที่เลว

น้อง ๆ ต้องพยายามแยกแยะให้ได้ว่า ใครหวังดีหรือหวังร้ายกับเราจากการสัมผัส ว่าเป็นการสัมผัสที่ดีหรือที่เลวอย่างไร การสัมผัสที่ดี ยกตัวอย่างเช่น การแสดงความรักจากพ่อแม่หรือคนที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก แล้วตัวเราเองก็รู้สึกชอบและมีความสุข เมื่อพ่อแม่ทำอย่างนั้น แต่การสัมผัสที่เลว คือ การสัมผัสทุกชนิดที่เราไม่ชอบหรือไม่ต้องการ เช่น กอดรัดแน่นหรือรุนแรงเกินไป หรือสัมผัสในจุดที่ไม่ควรสัมผัสตบตี หรือทำร้ายร่างกายเรา การที่คนอื่นสัมผัสจับต้องอวัยวะสงวนของเรา หรือบังคับให้เราไปจับอวัยวะของเขา เหล่านี้คือ สัมผัสที่เลว เป็นสัมผัสที่มีเจตนาไม่ดี ดังนั้น หากผู้ใหญ่คนไหนทำอย่างนั้น ต้องหักห้ามความกลัวความเกรงใจ แล้วห้ามด้วยเสียงดังฟังชัดให้หยุด หรือหลีกหนีไปให้ไกล ๆ

เพศหญิง – ชาย เท่าเทียมกัน

ปัจจุบันนี้ ความคิดที่ว่า ผู้ชายเป็นเพศที่เข้มแข็งต้องเป็นผู้นำ แต่ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอต้องเป็นผู้ตามนั้น เป็นความคิดที่ล้าสมัยไปแล้ว เพราะไม่ว่าน้องจะเป็นเพศไหน ชายหรือหญิงต่างก็มีสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมกันตามกฎหมายและสังคมนิยม ถึงแม้ผู้ชายจะมีร่างกายที่แข็งแรงกว่า ใช่ว่าจะใช้กำลังรังแกหรือแกล้งผู้หญิงได้ตามใจชอบ ผู้ชายที่ทำอย่างนั้นน่าจะถือว่า ไม่เป็นลูกผู้ชายจริง

เพราะลูกผู้ชายที่แท้จริง จะต้องรู้จักให้เกียรติเพศตรงข้ามไม่ทำร้ายรังแกผู้หญิงหรือคนที่อ่อนแอกว่า ไม่บังคับข่มเหงจิตใจให้ทำในสิ่งที่เขาไม่เต็มใจ เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มักคิดว่า ตัวเองแข็งแรงกว่า จึงใช้พละกำลังทำร้ายข่มเหงน้ำใจผู้หญิง แล้วผลที่ได้รับ คือ ต้องถูกจับ เสียชื่อเสียง ไม่มีใครรัก ไม่มีใครนับถือ และไม่มีใครให้เกียรติ

น้อง ๆ ต้องอย่าลืมว่า การเห็นอกเห็นใจเพศตรงข้าม ยกย่องให้เกียรติซึ่งกันและกันระหว่างผู้ชายและผู้หญิงเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้ผู้ชายและผู้หญิงอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข แม้แต่เรื่องในบ้านก็เช่นเดียวกัน ลูกผู้ชายก็ต้องทำกับข้าว ช่วยคุณแม่ทำงานบ้านเช่นเดียวกับลูกผู้หญิง โดยที่ไม่ใช่เป็นเรื่องเสียศักดิ์ศรีหรือเสื่อมเสียเกียรติลูกผู้ชายแต่อย่างใด ลูกผู้หญิงก็มีสิทธิช่วยพ่อทำสวน ซ่อมแซมเครื่องมือเครื่องใช้ได้เหมือน ๆ กัน กับลูกผู้ชาย

นอกจากนี้ น้อง ๆ ทุกคนก็จะต้องเคารพความเป็นส่วนตัวของคนแต่ละคนด้วย นั่นคือ ไม่ก้าวก่ายหรือแตะต้องร่างกายของเพศตรงข้ามตามใจชอบ เด็กผู้ชายที่ดีจะไม่ไปเปิดกระโปรงหรือจับต้องเนื้อตัวของเด็กผู้หญิง เด็กผู้หญิงก็จะต้องไม่อยากรู้อยากเห็นของเด็กผู้ชายเช่นกัน ขอให้จำไว้ว่า เรื่องร่างกายและอวัยวะทุกส่วน โดยเฉพาะอวัยวะเพศ เป็นเรื่องส่วนตัวของคน ๆ นั้น ต้องไม่ล่วงเกินหรือเอาเปรียบทางเพศกันเด็ดขาด

เมื่อน้อง ๆ ที่เป็นเด็กชายให้ความสำคัญและรู้ถึงความเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงผู้ชาย โตขึ้นก็จะเป็นสุภาพบุรุษที่ดี มีแต่คนยกย่อง ไม่เอาเปรียบทางเพศหรือข่มเหงน้ำใจคนอื่นเป็นสามีที่ดีช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของภรรยาในทุกด้านทั้งงานบ้านงานเรือนเป็นพ่อที่ดี สามารถเป็นตัวอย่างอันดีให้แก่ลูก ๆ ได้  

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *