คำสอนในเครื่องประกอบพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ของชาวไทยเขมรสุรินทร์

ในพิธีกรรมการสะเดาะเคราะห์ของชาวไทยเขมรสุรินทร์ที่มีความจำเป็นและสำคัญในการประกอบพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ มีเครื่องที่ต้องใช้ในการประกอบพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์สำคัญ ๆ มีอยู่ในพิธีกรรม ดังต่อไปนี้

  1. กระทงคางหมู ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมที่ปักด้วยธง ด้วยสีสันต่าง ๆ ภายในจะบรรจุด้วย อาหารคาวหวาน ปลาแห้ง ขนมข้าวต้ม ข้าวดำ ข้าวขาว ข้าวเหลือง ข้าวแดง ซึ่งอาจารย์ผู้ประกอบพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ (บุญสา คลังฤทธิ์, 2560) ได้กล่าวว่า (กันโตง) ใช้ในพิธีกรรมเซ่นไหว้มี 2 ลักษณะ คือ
    1. เป็นกระทงที่ใช้เซ่นไหว้โดยการนำเครื่องเซ่นไหว้ใส่กระทงเพื่อทำการเซ่นสรวงเจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าแม่ธรณี หรือภูตผีวิญญาณเป็นลักษณะว่าเราถวายของเครื่องเซ่น แต่เป็นแบบพิธีกรรม
    2. คือการใช้ใส่เครื่องเซ่นไหว้เพื่อประกอบพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์เล็ก หรือการปัดเสนียดจัญไรต่าง ๆ ด้วยก็ได้ และกระทงสามเหลี่ยมนี้ใช้ได้ในเกือบทุกงานที่เกี่ยวข้องกันกับเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ เพราะจะง่ายต่อการยกไปวางไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ อาทิเช่น ทางสามแพร่ง เป็นต้น
  2. กระทง 9 ห้อง เป็นกระทงมีลักษณะจัดทำด้วยกาบกล้วย จัดทำเป็น 9 ห้อง แต่ละห้องจะใส่อาหารคาว หวาน ขนม ข้าวต้ม หมากพลู บุหรี่ ข้าวดำ ข้าวแดง ข้าวขาว ข้าวเหลือง รูปหุ่นที่ตัดด้วยกาบกล้วยทำเป็นรูปชายหญิง ชื่อว่า อาหารอะไรก็สามารถใส่ได้ ถือเป็นชุดใหญ่ ชาวไทยเขมรสุรินทร์ ถือว่า เป็นชุดที่ใช้พิธีกรรมสำคัญ อาทิเช่น พิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ใหญ่ ที่มีเรื่องราวที่ไม่ดีจริง ๆ เป็นเรื่องร้ายแรงถึงขั้นชีวิตและทรัพย์สินของผู้จะกระทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ (บุญสา คลังฤทธิ์, 2560) ได้กล่าวว่า (กันตวงทม) กระทงใหญ่นี้ใช้สำหรับเรื่องร้ายแรง และเป็นเรื่องที่คอขาดบาดตาย ใช้สำหรับสะเดาะเคราะห์ หรือเสียเคราะห์ (แกกรัวะ) แกเคราะห์ สิ่งที่ปรากฏในกระทงนี้ มีความหมายที่ได้ถามผู้รู้ ปราชญ์ชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่นั้น ได้ความหมายว่า ชีวิตคนเรานั้น จำเป็นต้องพึ่งพาธรรมชาติ ทำไมจึงต้องมีแต่อาหารการกินเหล่านี้ เพราะของที่กินได้ ทำให้มนุษย์มีชีวิตต่อไปได้ มนุษย์ถือเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ และสิ่งทั้งหลายก็เอาเรื่องกินเป็นใหญ่เช่นกัน ข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้เป็นของจำเป็น และใช้เป็นเครื่องบนบาน เซ่นไหว้ บูชา สำหรับมนุษย์นี้เท่านั้นที่ยังข้องเกี่ยวอยู่บนโลกมนุษย์นี้ ถ้าวิเคราะห์ดูก็จัดได้ว่า เป็นสัญลักษณ์ที่สอนคนเราให้เห็นถึงความสำคัญของสรรพสิ่งที่พึงพาอาศัยกัน
  3. เทียน 5 เล่ม ธูป 5 ดอก ในพิธีกรรมทุก ๆ พิธีกรรมปราศจากสิ่งนี้ไม่ได้เลยนั้น คือ ธูป เทียน เพราะเป็นเครื่องบูชาที่สำคัญที่ยึดถือและปฏิบัติกันมานานแต่โบราณกาลแล้ว ความหมายของธูปเทียนนั้นเป็นเครื่องหอมที่ใช้จุด และเทียนเปรียบเหมือนแสงสว่าง ธูปเทียนอยู่ในทุกบริบทของความเชื่อและพิธีกรรมต่าง ๆ จุดประสงค์นั้นก็เพื่อเป็นสื่อในการบูชา อาจใช้ในกรณีการบูชาคุณครูบาอาจารย์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ หรืออาจใช้สำหรับสื่อ ในการบอกกล่าวแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือดวงวิญญาณต่างที่รับรู้ได้ด้วยสื่อนั้น คือ ธูป และแสงสว่างนั้น คือ เทียน ฉะนั้น สิ่งทั้งสองได้ถูกนำมาไว้ในพิธีกรรมโดยขาดทั้งสองสิ่งนี้ไม่ได้เลย
  4. อาหารตามห้องในพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์นั้นจะมีการนำอาหารมาใส่ในกระทง ไม่ว่าจะเป็นสามเหลี่ยม หรือสี่เหลี่ยมก็ดี ในแต่ละห้องนั้นจะเป็นการประกอบด้วย อาหาร การกิน น้ำ เครื่องดื่ม เครื่องสูบ อาทิ เช่น บุหรี่ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ เป็นวัฒนธรรมของชาวชนบทพื้นบ้านที่มีการยึดแบบมาจากโบราณที่ได้นำพาให้ทำ เพราะของอาศัยอยู่ อาศัยกินนี้เป็นเครื่องสื่อว่า มีความอุดมสมบูรณ์ แม้นจะแก้เคราะห์ก็ต้องให้บริบูรณ์ โดยมีความเชื่อว่า เคราะห์หรือวิญญาณร้านนั้นจะได้รับและได้กินจากเราจะได้ไม่ต้องมารบกวนอีก เป็นฐานคติความเชื่อของชาวไทยเขมรสุรินทร์ หรืออาจหมายถึงสิ่งทั้งปวงนั้นกำหนดด้วยสิ่งเหล่านี้ คนเราจะมีความอุดมสมบูรณ์นั้นได้ก็ต้องมีสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องดำรงชีวิต และวัสดุที่หมายถึงสิ่งเหล่านี้อาจนำพามาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ได้
  5. ผ้าขาว 1 ผืน ดอกไม้ ผ้าขาวในสมัยก่อนโบราณที่ได้จากการสัมภาษณ์นั้นได้กล่าวว่า สมัยก่อนโบราณที่เราต้องถวายผ้าขาวด้ายดิน 1 ผืนนั้นเป็นการทำบุญของผู้ที่จะกระทำพิธีกรรมซึ่งเมื่อถวายไปแล้วอาจารย์สามารถนำไปใช้ได้เพราะคนในสมัยก่อนนั้นจะเอาผ้าด้ายดิบไปตัดเสื้อผ้า หรือการนุ่งห่มก็ได้ และผ้าด้ายดิบนี้สามารถย้อมได้ และทำไมถึงเป็นการถวายผ้าขาว เหตุเพราะผ้าขาวนั้นยังไม่ผ่านการใช้มานั้นเองในวัฒนธรรม คนโบราณก็มีการถวายผ้าหรือนำผ้าไปทำบุญหรือยกให้แก่อาจารย์ที่นับถือได้ และจัดเป็นวัฒนธรรมการยกครูนั้นเป็นต้นมา ทำไมจึงมีการยกครู เพราะว่าอาจารย์ที่มาทำพิธีกรรมให้นี้ไม่ได้รู้ได้เอง หรือเป็นเอง แต่เพราะเป็นการไปร่ำเรียนมาจากอาจารย์ผู้เฒ่าอีกต่อหนึ่ง จึงมีความเชื่อว่า การยกครูนี้เพื่อเป็นสินน้ำใจและเป็นการเคารพบุญคุณเหล่านั้นด้วยประการหนึ่ง (ณรงค์ เชื้อเมืองพาน, 2559)
  6. ขันน้ำมนต์ เป็นภาชนะที่ไว้สำหรับใส่น้ำสะอาดเพื่อประจุด้วยมนต์ หรือคาถาที่เชื่อว่า ศักดิ์สิทธิ์ลงสู่น้ำสะอาดในขันก็เพื่อให้ผู้เข้าสะเดาะเคราะห์นี้นำไปอาบ ดื่ม กินด้วย และในขณะทำพิธีกรรมก็จะรดไปตามร่างกายของผู้มีเคราะห์ เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ประจุด้วยมนต์หรืออาคมแล้ว จากการวิเคราะห์นั้นน้ำอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เกิดความเย็น มีสติขึ้นมาเหมือนน้ำที่รดลงตามร่างกาย มีความเย็นเช่นนั้นก็เป็นได้
  7. มนต์ คาถา เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญมากในขณะทำพิธีกรรม ในขณะทำพิธีกรรมนั้นจะมีการสวดคาถาไปด้วยในขณะที่ทำการสะเดาะเคราะห์ เป็นบทที่มีความเชื่อว่า ศักดิ์สิทธิ์ และสามารถให้คลายจากสรรพเคราะห์ต่าง ๆ ได้ มนต์ในทางพระพุทธศาสนาจะเป็นการเจริญพระพุทธมนต์ และมนต์ทางพราหมณ์ หรืออาจารย์ผู้มาสวดนั้นจะมีการผสมผสานกับพระพุทธมนต์ และมนต์เขมร ที่เป็นคำเฉพาะของภาษาเขมรที่มีความเชื่อว่า ศักดิ์สิทธิ์เช่นกันและได้รับถ่ายทอดมาจากอาจารย์เขมรโบราณ
  8. ด้านสายสิญจน์ เป็นส่วนประกอบในการรอบเครื่องเซ่นไหว้ ในการสะเดาะเคราะห์จะมีการรอบด้วยสายสิญจน์ มีความเชื่อว่า มนต์หรืออำนาจ พลังศักดิ์สิทธิ์จะวิ่งหรือแล่นไปตามเส้นด้ายในขณะสวดมนต์หรือว่ามนต์คาถา (แม่ชีบัวลิน หมื่นยิ่ง, 2560) เป็นต้น
  9. เวลา การทำพิธีสะเดาะเคราะห์ของชาวไทยเขมรสุรินทร์นี้จะใช้เวลาช่วงเย็นโดยส่วนมากจะเป็นเวลา 15.40 น. (แม่ชีบัวลิน หมื่นยิ่ง, 2560) เพราะมีความเชื่อว่า เวลาเย็นนั้นจะมืดมิด สิ่งชั่วร้ายจะได้หายลับไปตามเวลาที่ดวงตะวันลับฟ้า เสมือนเคราะห์ได้หายไปตามเวลาตะวันตกดิน เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วคนมีเคราะห์ถ้ามีอาการป่วยด้วยก็จะถือว่า เมื่อวันใหม่นั้นจะได้หายขาดจากอาการที่ไม่ดี หรือเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ไปในตัว เช่นกัน
  10. ทิศตะวันตก การทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์มีความสำคัญมากในการดำเนินชีวิตของชาวไทยเขมรสุรินทร์ แม้นแต่ทิศทางการนั่ง คนโบราณจะถือคติตามโหราศาสตร์เป็นสำคัญ การทำพิธีกรรมปัดรำควาญ หรือการสะเดาะเคราะห์ ต้องถือในทิศทางการทำเพื่อความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ตนเอง การทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์นั้นต้องนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตกตามทิศที่เชื่อกันว่า สิ่งไม่ดีจะได้ตกไปตามทิศทาง การทำพิธีกรรมนั้นยอมให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มาก ถือได้ว่า เป็นความสำคัญมาก
  11. หุ่น ชายหญิง ในกระทงสะเดาะเคราะห์ของชาวไทยเขมรสุรินทร์นี้ในกระทงจะปรากฎมีรูปชายหญิงที่ตัดรูปหุ่นด้วยก้านกล้วย แล้วพัดด้วยเศษผ้าที่ผู้จะทำการสะเดาะเคราะห์ที่ไม่ใช่แล้วมาพัดไว้ในรูปหุ่น เปรียบเสมือนว่า เป็นการส่งเคราะห์ร้ายที่มีอยู่ในตัวของผู้ประกอบพิธีกรรมนั้นให้ออกไป
  12. ผ้าขาด เศษผ้าที่ใช้นำมาประกอบพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ของชาวไทยเขมรสุรินทร์นั้น จะเป็นผ้าที่ขาด หรือไม่ใช้แล้ว เพราะถือคติที่ว่า ให้ขาดออกไปให้เสียไป เสมือนเสียเคราะห์นั้นเองเป็นความหมายที่สอดคล้องตามพิธีกรรม มีความเชื่อว่า เสื้อผ้าของผู้ที่จะสะเดาะเคราะห์นั้น จะเป็นเสมือนตัวแทน ผู้มีเคราะห์ เมื่อเข้าสู่พิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ยอมหาย เสีย หรือขาดไป ตามผ้าที่เสียไปนั้นเอง
  13. ปัจจัย 6 บาท 12 บาท 24 บาท การกำหนดตัวเงิน เป็นการกำหนดตามค่าครูที่ตนเองได้ร่ำเรียนวิชามาของผู้เป็นอาจารย์กระทำพิธีกรรม ในสมัยก่อนกว่าจะกำหนดค่าครูขึ้นได้นั้นบุคคลผู้นั้นต้องมีวิชาความรู้ และเป็นอาจารย์ที่มีวิชาที่กล้าแข็งแล้วเท่านั้น แล้วสามารถกำหนดค่าครูขึ้นมาได้ตามที่ตนเองได้ร่ำเรียนมา เงินค่าครูนี้มีความหมายมาก สอดแทรกในความเชื่อ พิธีกรรม และเกี่ยวข้องกับการนับถือ การบูชา ในสิ่งนั้นไว้มากมายนัก แต่โดยย่อนั้น ค่าครูที่กำหนดขึ้นนั้นเพื่อบูชาครูบาอาจารย์ที่ตนต้องตั้งค่าครูก่อนทำการ หรือสิ่งต่าง ๆ เพราะจเป็นการเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ และบรรลุผลตามความต้องการในกิจกรรมนั้น ๆ ได้ (คณิสร โชติธณศิริ, 2559)
  14. ดอกไม้ 5 คู่ ดอกไม้นั้นใช้สำหรับบูชาพระ หรือครูบาอาจารย์ ดอกไม้ 5 ดอก เรียกอีกอย่างนั้นว่า ขัน 5 มีความหมายหลายอย่าง อาทิเช่น ศีล 5 ประการที่ต้องปฏิบัติ หรือได้ปฏิบัติตาม ขันธ์ 5 มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่ประกอบกันเป็นรูปขึ้นมาเป็นมนุษย์ที่ดีงามหรือสมบูรณ์ได้ หรืออีกนัยยะหนึ่ง เป็นการระลึกนึกถึง คุณพระรัตนตรัย มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณพระบิดา มารดา เป็นต้น อยู่ที่ผู้เป็นอาจารย์จะนำคติการบูชา หรือความหมายที่มีความสำคัญสอดคล้องไปใช้ กับพิธีกรรม ความเชื่อของแต่ละคน หรืออาจารย์ก็ว่ากัน เป็นต้น
  15. พราหมณ์ พิธีกรรมต่างจะดำเนินไปได้นั้น ต้องมีผู้ดำเนินรายการหรือผู้ทำพิธีกรรมให้ ผู้นั้น คือ พราหมณ์ ผู้ต้องทำการประกอบพิธีกรรม พราหมณ์จะเป็นผู้สวด หรือท่องมนต์ อาคมต่าง ๆ และเป็นผู้ที่รู้ระเบียบขั้นตอน เครื่องที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรม และวัน ทิศทาง และเวลา ด้วย ผู้มาเป็นพราหมณ์นั้นโดยส่วนมากจะเป็นคนแก่ที่ได้ร่ำเรียน เขียนอ่าน และมีความสามารถกระทำทางพิธีกรรมได้เป็นต้น
  16. ใบขนุน ใบมะยม ใบเงิน ใบทอง ใบหน้าคา ในพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์นั้นจะมีการนำสิ่งมงคลเข้าในพิธีกรรมด้วย มีคติความเชื่อว่า เป็นใบมงคล สามารถนำมาเพื่อความเป็นมงคล ความหมาย ใบขนุน มีความหมายว่า มีคนอุดหนุน มีคนสนับสนุน ส่งเสริม ใบมะยม มีความหมายว่า มีคนนิยมชมชอบ รักใคร่ เมตตา เอ็นดู ใบเงินใบทอง มีความหมายว่า จะได้เงินจะได้ทอง มั่งคั่งด้วยเงินหรือทองต่าง ๆ ใบหน้าคา มีความหมายว่า เป็นหญ้าวิเศษ ศักดิ์สิทธิ์มีอานุภาพในตัวของตนเอง สามารถป้องกัน อันตราย และปราบวิญญาณร้ายและภูตผี ได้

พิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ของชาวไทยเขมรสุรินทร์ เราจะพบว่า การสะเดาะเคราะห์เท่าที่ปรากฎนั้นชาวไทยเขมรสุรินทร์มีความเชื่อและพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์แบบดั้งเดิมนี้มานานตั้งแต่สมัยโบราณ และได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมเขมร หรือขอมโบราณด้วย จะมีฐานคติในความเชื่อและพิธีกรรม ที่มีความสอดคล้องกับคติ คำสอน ของคนโบราณสมัยก่อน วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ของไทยเขมรสุรินทร์นั้น ที่นำมาอธิบายให้เห็นถึงความสำคัญ แนวคิด และเป็นการถอดความสำคัญของวัสดุอุปกรณ์ที่มีในพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์หรือเครื่องในพิธีกรรม สิ่งเหล่านี้เป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่ได้สั่งสม ภูมิ ความรู้ และคติคำสอน ตลอดถึงสิ่งสำคัญที่จำต้องมีในพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ของชาวไทยเขมรสุรินทร์คุณค่าที่เกิดจากพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์นั้นสามารถใช้มุมมองได้ ดังนี้ คือ คุณค่าต่อสังคม จากการเข้าร่วมประกอบพิธีกรรม เราจะพบว่า หลักการสำคัญคุณค่ามีต่อสังคม เกิดพลังความสามัคคี พร้อมเพรียงกัน เป็นหมู่เป็นคณะ และให้ความเคารพศรัทธา และเชื่อในพิธีกรรมเดียวกัน พิธีกรรมก่อให้เกิดความเข้าใจในการศึกษาการเรียนรู้ในวัฒนธรรมทางศาสนาและคติความเชื่อในท้องถิ่น พิธีกรรมก่อให้เกิดประเพณีสำคัญขึ้น และสามารถสอดแทรกพิธีกรรมนี้ในวันสำคัญได้ คุณค่าในการยอมรับเผยแผ่และการอนุรักษ์ เมื่อมีความเข้าใจ ชาวไทยเขมรสุรินทร์ต้องมีท่าทีที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ท่าทีในการอนุรักษ์พิธีกรรม โดยจัดการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมภาคทฤษฎีให้เป็นประเพณีสำคัญของบ้านเมืองที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในพิธีกรรมด้วย[i]


[i] ที่มาบทความ ยโสธารา ศิริภาประภาภร. (2561). คติคำสอน : เครื่องประกอบพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ของชาวไทยเขมรสุรินทร์. วารสารมหาจุฬาคชสาร ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน พ.ศ. 2561).

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *