ความเชื่อในเรื่องลางบอกเหตุจากตาเขม่น

ในบทความนี้จะเล่าถึงความเชื่อในเรื่องลางบอกเหตุจากตาเขม่น โชคลางจิ้งจกร้องทัก โชคลางตุ๊กแกร้องกลางวัน โชคลางนกแสกเกาะหลังคาบ้าน โชคลางตัวเงินตัวทองคลานเข้าบ้าน โชคลางหวีหักโชคไม่ดี โชคลางมีกลิ่นธูป โชคลางผึ้งทำรังในบ้าน เชื่อในเรื่องบุญเรื่องทาน ของคนไทย ซึ่งคนไทยเชื่อในเรื่องโชคลางบอกเหตุ ลางบอกเหตุที่ใคร ๆ ก็เคยประสบมาแล้ว เช่น ตาเขม่นจะดีหรือเลวขึ้นอยู่กับว่า เกิดขึ้นเวลาใด ตาข้างใด ตาเขม่นจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ถ้าตาเขม่นในช่วงเช้า – บ่าย คนโบราณ กล่าวไว้ว่า หากเป็นข้างขวาจะมีโชคลาภ ได้รับข่าวดี เรียกว่า จะสมหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่คอย และหากเขม่นที่ตาซ้าย ท่านว่าจะมีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวังเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน เช่น มีการทะเลาะกันเกิดขึ้น หรือจะต้องสูญเสียของรักบางอย่างไป ถ้าตาเขม่นไม่ว่าจะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวาในช่วงเวลาเย็นถือว่า มีโชคมีลาภ จะได้พบญาติสนิทมิตรรักเดินทางมาหา แต่ถ้าตาเขม่นในช่วงกลางคืน เขม่นตาขวาจะได้ดี ตรงกันข้าม ถ้าเขม่นตาซ้าย จะมีโชคลาภจากเพื่อน จะสมหวังสิ่งที่รอคอย เรียกว่า ขวาก็ไม่ร้าย-ซ้ายดี การที่ตาเขม่นนี้ เชื่อกันว่า เป็นลางบอกเหตุที่แม่นยำมาก ท่านให้ถือเวลาที่จะเกิดเหตุไม่ดีและร้ายภายใน 3 วันอย่างแน่นอน

โชคลางจิ้งจกร้องทัก

ธรรมดาแล้ว จิ้งจกมักจะเกาะ อยู่ตามฝาผนังของบ้าน โดยปกติทั่ว ๆ ไปตามคำเชื่อของคนโบราณกล่าวว่า หากจิ้งจกร้องทัก จะกี่ครั้งก็ตาม ทว่าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศีรษะของเราให้พยายามเลื่อนการเดินทางเป็นเวลาอื่น อาจจะเป็นภายในวันเดียวกันก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานั้น เพราะอาจทำให้คุณได้รับอุบัติเหตุหรือไม่มีโชคลาภ แต่หากเสียงร้องทักอยู่ด้านหน้า หรือซ้ายมือ ให้เดินทางได้ จะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกสบาย จะได้พบโชคลาภหรือติดต่อธุรกิจเป็นผลสำเร็จ

โชคลางตุ๊กแกร้องกลางวัน

ตามปกติแล้วตุ๊กแกที่อาศัยอยู่ในบ้านคน มักจะร้องเฉพาะตอนกลางคืน แต่ถ้าวันดีคืนดีเกิดร้องตอนกลางวันขึ้นมาไม่ว่าจะร้องกี่ครั้งก็ตามให้ถือว่า เป็นการบอกเหตุร้าย ว่ากำลังจะเกิดเหตุขึ้นกับคนในครอบครัวนั้น หรือภายในบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วตุ๊กแกนั้นจะไม่ค่อยร้องในช่วงเวลากลางวันอยู่แล้ว (เวลากลางวันในที่นี้หมายถึง ตั้งแต่เวลาเริ่มสว่างจนกระทั่งถึงมืดลง) คนโบราณจึงเชื่อกันว่า “ตุ๊กแก” คือ ร่างที่วิญญาณของปู่ย่าตายายที่ตายไป แล้วก็มาอาศัยอยู่ คอยดูแลคุ้มครองและเพื่อให้สัญญาณบอกเหตุแก่ลูกหลาน และก็ไม่เคยเห็นตุ๊กแกทำร้ายใครเลย ในเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2555 นี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตุ๊กแกได้โหนเพดานห้อยหัวมือหน้าพนมไหว้พระ ขณะที่พระสงฆ์นั้นกำลังสวดมนต์อยู่ ชาวบ้านเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณปู่ตาย่าที่มาร่วมฟังพระสงฆ์สวดด้วย

โชคลางนกแสกเกาะหลังคาบ้าน

นกแสกเป็นนกที่ถือว่า ให้ความอัปมงคลเป็นอย่างยิ่ง ไม่แต่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่ถือในเรื่องนี้ ฝรั่งเองก็ถือเคล็ดนี้เช่นกัน ก้เพราะโดยธรรมชาติของนกแสดมักจะไม่มาปะปนอยู่ตามที่อยู่อาศัยของคนให้เห็นนัก หากเมื่อใดมีนกแสกมาเกาะที่หลังคาบ้านใดแล้ว ก็มักจะมีอะไรไม่ดีแก่บ้านนั้น เช่น คนป่วยเอย คนเจ็บอยู่ก็อาจเสียชีวิตก็ได้ จึงมักจะมีคนนิยมแก้เคล็ดให้ร้ายกลายเป็นดี ด้วยการนำเอาดอกไม้ ธูปเทียน สุรา บอกเล่าต่อเทพนับถือ คนโบราณบางท่านที่เคร่งมาก ๆ ก็อาจเพิ่มด้วยข้าวสารข้าวตอกผ้าแดง ผ้าขาว และเงินทองก็ได้

โชคลางตัวเงินตัวทองคลานเข้าบ้าน

บ้านใดที่มีต้นไม้มาก ๆ นั้น จะเป็นที่ตัวเงินตัวทองมักจะปรากฏให้เห็นตามที่ดังกล่าวมักจะไม่คลานในที่โล่งแจ้ง และก็หาแหล่งที่มาไม่พบอีกด้วยว่ามาจากที่ใด เพราะในหมู่บ้านกลางเมืองก็ยังมีปรากฏให้เห็นบ้าง ปกติตัวเงินตัวทองนี้จะไม่ทำร้ายใคร แต่คนโบราณท่านว่าเป็นตัวอัปมงคลอยู่ดี จึงมีชื่อเรียกอย่างไพเราะว่า ตัวเงินตัวทองเพื่อแก้เคล็ด หากบ้านใดมีเข้ามาให้เห็น ท่านว่าให้พูดแต่สิ่งดี ๆ ไม่ให้ไล่ บางท่านก็ให้หาดอกไม้ธูปเทียนจุดบอกเล่าให้กลายเป็นการนำเอาสิ่งดี ๆ เข้ามาในบ้าน

โชคลางหวีหักโชคไม่ดี

คนโบราณเชื่อกันว่า ในขณะที่กำลังสางหรือหวีผมนั้น แล้วหวีเกิดหักคาผมใน ท่านให้เชื่อได้เลยว่า จะเกิดเรื่องไม่ดีตามมาอย่างแน่นอน เป็นต้นว่า อาจมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น สูญเสียของรัก หรือมีเรื่องทุกข์ร้อนใจให้หงุดหงิดได้ การแก้เคล็ดด้วยการนำหวีนั้นทิ้งไปเลย ไม่ให้เก็บไว้ใช้หรือนำไปซ่อมมาใช้ใหม่ และจุดธูปบอกเล่าให้สิ่งร้าย กลายเป็นดีเรื่องหนักก็จะกลายเป็นเบาเสีย แต่ความเชื่อของคนโบราณ เรื่องหวีหักนี้ อาจจะเกิดเรื่องที่ไม่รุนแรงนักก็ได้ แล้วแต่โชคชะตาและดวงในตอนนั้นด้วย

โชคลางมีกลิ่นธูป

เมื่อใดได้กลิ่นธูปลอยมาในยามวิกาลเสียงเงียบสงัด โดยที่ไม่มีใครจุดธูปในบริเวณนั้น ๆ เลย คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของญาติสนิทภายในครอบครัวมาหา จะเป็นเพราะคิดถึงห่วงใยกันหรือด้วยเหตุใดก็ตาม ท่านให้คนที่ได้กลิ่นธูปนั้น จุดธูป 1 ดอก บอกเล่าให้ไปที่สงบ ๆ อย่ากังวลสิ่งใดที่จะทำให้วิญญาณไม่สงบสุขเลยบางคนอาจขอพรจาวิญญาณญาติสนิทนั้นให้ปกปักรักษา และให้โชคลาภด้วย แต่หากไม่มีญาติสนิทในระยะนั้นเสียชีวิต ก็เชื่อกันว่า อาจจะเป็นวิญญาณพเนจรทั่วไป ก็ให้จุดธูปเช่นเดียวกัน บอกเล่าว่า อย่ามารบกวนให้กลัว ให้ไปที่ชอบที่สงบ และนิยมใส่บาตรแผ่ส่วนกุศลให้ในวันรุ่งขึ้นด้วย

โชคลางผึ้งทำรังในบ้าน

โดยธรรมชาติแล้ว ผึ้งมักนิยมทำรังตามต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นหนาแน่น และอยู่ในที่สงบไม่มีคนพลุกพล่าน แต่เมื่อใดที่ผึ้งมาทำรังในบ้านจะเป็นชายคาบ้าน ใต้หลังคาบ้าน ห้องน้ำ ท่านว่าไว้ว่าอย่าไปไล่หรือทำลายเด็ดขาด จะทำให้เกิดความหายนะขึ้นกับครอบครัวเรือนนั้น เพราะผึ้งเป็นสัตว์นำโชค ให้ปล่อยผึ้งทำรังต่อไป เชื่อกันว่า ยิ่งรังใหญ่มาก เท่าใด ก็จะมีโชคลาภมากขึ้นเท่านั้นและควรจุดธูปเทียนบูชารวมทั้งดอกไม้เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย

เชื่อในเรื่องบุญเรื่องทาน

คนไทยในสังคมพระพุทธศาสนา มีความเชื่อเรื่องบุญทาน ทำบุญกับพระสงฆ์มีการตักบาตร ถวายสังฆทาน ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้วายชน ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ เป็นต้น โดยมีความเชื่อว่า การทำบุญนั้นจะทำให้ตนและญาติ ครอบครัวมีความสุข และผู้ล่วงลับไปแล้วก็จะได้รับอาหาร ได้ใช้สอยที่เป็นเครื่องทำบุญที่อุทิศไปให้ นี่ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งนั้น ก็ถือว่า ตนในฐานะพุทธศาสนิกชนต้องทำหน้าที่ของชาวพุทธ และนอกจากนี้แล้ว ยังต้องรักษาศีล ๕ ถือศีล ๘ ตามโอกาสที่มี ปฏิบัติธรรมตามสมควร มีพรหมวิหาร คิหิปฏิบัติ ฆราวาสธรรม ถ้าเป็นข้าราชการก็ปฏิบัติตามทศพิธราชธรรม

เชื่อในเรื่องเคล็ด/ปริศนา

คนไทยถือเรื่องเคล็ดไม่แพ้ความเชื่ออื่น ๆ อย่างเคล็ดตามความเชื่อป้ายทะเบียนรถยนต์ปกติก็ธรรมดา ๆ ตัวเลข 10 หลักก็คละกันไป แต่หาไม่เช่นนั้นยังประมูลทะเบียนที่แพง ๆ เพราะเห็นแก่เลขสวย ปัญหาว่าเลขนี้ถือเคล็ดเอาจากอะไร ก็ถือว่า เป็นเลขสื่อถึงความก้าวหน้า นั่นคือ เลข 9 จะเป็น 999 หรือลเข 3999 9393 5959

งานพิธีทำบุญ คนไทยถือเคล็ดนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป เพราะเคล็ดว่า เพื่อให้ความก้าวหน้าในอาชีพการงาน มีชีวิตไม่ตกต่ำ มีกินมีใช้ ไม่ขัดสนจนปัญญา อีกประการหนึ่ง ให้สังเกตว่า เวลาพระสงฆ์ จำนวน 9 รูป เจริญพุทธมนต์จะมีพระพุทธรูปตั้งสูงบนโต๊ะบูชาอยู่ด้านขวาของพระสงฆ์หรืออยู่ด้านขวาพระสงฆ์องค์ประธาน ก็ถือเคล็ดว่า การทำบุญครั้งนี้มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข (พุทธปฺปมุโข) ปัญหาถามว่า ทำไมพิธีสวดอภิธรรมศพจึงใช้พระสงฆ์คู่เพียง 4 รูปเท่านั้น ถือเคล็ดอะไร นั่นคือ พิธีอภิธรรมศพนิยมใช้พระสงฆ์จำนวนคู่ อาจจะเป็น 2 รูป 4 รูป 8 รูป 12 รูป ก็ได้ คือ เป็นคู่ของรูปนาม กายกับจิต บุญกับบาป สวรรค์กับนรก นั่นเอง

ลักษณะของสังคมไทยนั้น เป็นสังคมพุทธ เป็นพุทธศาสนิกชน โดยนับถือพระพุทธศาสนา 3 ระดับ คือ ระดับกระพี้ ระดับเปลือก และระดับแก่น โดยผู้คนสังคมที่นับถือพระพุทธศาสนาอยู่ในระดับกระพี้ ได้แก่ ผู้มักทำบุญทำทานตามประเพณี เคยปฏิบัติมาอย่างไรก็ทำอย่างนั้น เคยเชื่อมาอย่างไรก็ว่าตามนั้น โดยไม่มุ่งเน้นเหตุผลมากนัก ได้รับความรู้พระพุทธศาสนาผ่านชาดก ตำนาน คำกล่าวเล่าขายกันมาจากบุพพการีชน สังคมผู้นับพระพุทธศาสนาระดับเปลือกนั้น นับถือเครื่องรางของขลัง เชื่อในเรื่องปลุกเสกลงเลขยันต์ เชื่อในพิธีกรรม การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ได้รับความรู้พระพุทธศาสนาธรรมจากการศึกษาเบื้องต้น ผสมผสานประโยชน์ทางพาณิช ทำธุรกรรมซื้อขายกัน ส่วนสังคมผู้นับพระพุทธศาสนาระดับแก่นนั้น จะนับถือพระพุทธศาสนาที่เป็นหลักธรรม ความรู้ธรรม เข้าใจธรรม และผลการปฏิบัติตามธรรม มักจะมองไปเชิงวิธีการ ความเอื้ออำนวยประโยชน์สุขของสังคมที่ยั่งยืน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *