การสอนลูกหลานเรื่องทักษะการปฏิเสธ

การสื่อสารที่ดีในการพูดคุยเรื่องเพศในครอบครัว ดังนี้

การสื่อสารและความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวจะมีผลต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์และความเชื่อมั่นในตนเองของวัยรุ่น จะส่งผลให้วัยรุ่นมีการสื่อสารและสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลอื่นต่อไปด้วย

  1. ความชัดเจน (Clarity) กรณีความไม่ชัดเจนของการสื่อสาร เช่น พ่อแม่ ผู้ปกครองให้ลูกกลับบ้านก่อนค่ำ แต่กลับโกรธลูกเมื่อลูกถึงบ้านตอนเย็น ทั้ง ๆ ที่ลูกยืนยันว่า ตอนกลับจากบ้านเพื่อนยังไม่มืด ซึ่งในความเป็นจริงก็ยังไม่มืดทีเดียว ทั้งนี้เพราะความไม่ชัดเจนในการสื่อสาร ทำให้การตีความหมายไม่ตรงกัน ถ้าพ่อแม่ ผู้ปกครองบอกให้ชัดเจนเลยว่า ให้กลับบ้านก่อน 5 โมงเย็น ความชัดเจนจะมากขึ้น ปัญหาอาจจะลดน้อยลงหรือไม่เกิดขึ้น
  2. ความสมบูรณ์ (Completeness) กรณีความไม่สมบูรณ์ของการสื่อสาร เช่น พ่อแม่ ผู้ปกครองตำหนิลูกที่ไม่ได้ตัดรั้วต้นไม้หลังจากสั่งให้ตัดหญ้าในสนาม ทั้งนี้ ในความเป็นจริงพ่อแม่ ผู้ปกครองให้ลูกตัดสนามหญ้าดยคาดหวังว่าลูกจะต้องตัดรั้วต้นไม้ด้วย เพราะความไม่สมบูรณ์ของคำสั่ง ถ้าพ่อแม่ ผู้ปกครองบอกให้ลูกตัดรั้วต้นไม้ด้วยหลังจากที่ตัดสนามหญ้าเสร็จ ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น พ่อแม่ ผู้ปกครองก็ไม่โกรธและลูกก็ไม่ถูกตำหนิ
  3. ความสอดคล้องสมเหตุสมผล (Congruence) กรณีภาษาพูดและภาษากายไม่สื่อความหมายไปในทางเดียวกัน เช่น คุณแม่บอกถึงความสำคัญ ความงดงามของการมีเพศสัมพันธ์เมื่อแต่งงานกับลูกสาว แต่สีหน้าของคุณแม่รู้สึกอึดอัด ลำบากใจ ที่จะพูดคุยหรือกรณีที่อนุญาตให้ลูกไปทำอะไรก็ได้แต่น้ำเสียงค่อนข้างแข็งกระด้างแสดงความไม่เต็มใจ

การสอนลูกหลานเรื่องทักษะการปฏิเสธ

การปฏิเสธเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ทุกคนควรเคารพและยอมรับในการปฏิเสธ ที่ใช้ได้ผลมักเป็นสถานการณ์ที่ถูกชวนไปทำในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์หรือเกิดผลกระทบในแง่ลบตามมา การปฏิเสธที่ดีต้องปฏิเสธอย่างจริงจังทั้งท่าทาง คำพูด และน้ำเสียง เพื่อแสดงความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะขอปฏิเสธ

เทคนิคการปฏิเสธสำหรับวัยรุ่นที่ควรนำไปใช้กับชีวิตประจำวัน

  1. ไม่อยู่ในที่รโหฐาน การที่หญิงชายอยู่ในที่ลับตาคน และด้วยบรรยากาศที่เป็นใจ จะทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ก็ได้
  2. อย่าเปิดโอกาส จากการศึกษาวิจัยพบว่า หญิงสาวทั้งหลายมีเพศสัมพันธ์เพราะคิดว่าเขา (ชาย) รักเราเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยความคิดว่า เราพร้อมแล้วที่จะเป็นของกันและกัน
  3. ปลุกจิตสำนึกความเป็นสุภาพบุรุษของผู้ชาย เช่น “เธอคงไม่ภูมิใจใช่ไหม ถ้าฉันยอมเป็นของเธอก่อนแต่งงาน ยังไงฉันก็พร้อมเป็นของเธออยู่แล้ว ฉันมีเธอเพียงคนเดียวในใจ รอก่อนนะจ๊ะไว้ถึงเวลาค่อยมีความสุขด้วยกัน” เป็นการให้ความหวังและยกย่องเขาไปในตัว
  4. ใช้คำสั่งหยุดการกระทำที่ไม่สมควร และใช้ข้ออ้างที่ปฏิเสธได้ยาก เช่น “ถ้าเป็นของกันและกันตอนนี้ ถ้าพ่อแม่ฉันรู้เข้าท่านคงจะเสียใจนะ เป็นลูกสาวที่ไม่รู้จักกตัญญูกตเวทีทำให้พ่อแม่เสียใจ คงเป็นบาปติดตัวไปตลอดชีวิต” ฉะนั้น เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่พร้อม จงจำไว้ว่าต้องปฏิเสธให้เป็น เพราะนั่นคือ ชีวิตและอนาคตของตน

การที่จะสอนเทคนิคการปฏิเสธให้กับลูก พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องรับรู้ธรรมชาติของลูกวัยรุ่น เช่น ยอมรับว่าการมีแฟนหรือการคบเพื่อนต่างเพศนั้นเป็นเรื่องธรรมชาตที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน จึงไม่ควรแสดงปฏิกิริยาเชิงปฏิเสธว่าเป็นเรื่องต้องห้าม มิเช่นนั้นสิ่งที่ตามมาคือ การโกหก ปิดบัง บ่ายเบี่ยง หรือซ่อนเร้น ควรเปิดใจกว้างยอมรับจะทำให้ลูกกล้าเข้ามาพูดและเปิดเผยความจริงได้มากกว่า ซึ่งพ่อแม่ ผู้ปกครองจะสามารถสอดแทรกค่านิยมและประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ลูกหลานควรรู้พร้อม ๆ กัน ไปกับการหมั่นพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการคบเพื่อนต่างเพศของลูกหลานเสมอ ๆ หากทำได้เช่นนี้ ลูกจะรู้สึกว่า พ่อแม่ ผู้ปกครองพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาเขาได้ตลอดเวลา

การป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ

การถูกล่วงละเมิดทางเพศ คือ การรบกวนทางเพศด้วยกายหรือวาจา โดยผู้ถูกกระทำไม่เต็มใจ แต่จำต้องยอมเนื่องจากโดนข่มขู่ด้วยอำนาจหรือการใช้กำลัง ซึ่งการล่วงละเมิดทางเพศจะรุนแรงกว่าการคุกคามทางเพศ มีการสัมผัสเนื้อตัวของผู้ที่กระทำ เช่น จับหน้าอก หรือการบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ด้วยกำลัง แต่การคุกคามทางเพศ จะเป็นการให้คำพูดแทะโลมหรือลวนลามด้วยสายตา

  • พฤติกรรมการละเมิดทางเพศ มีหลายรูปแบบ
    • การตามรังควาน
    • เปิดของลับให้ดู
    • สะกดรอย คอยติดตามเฝ้าดู
    • ลูบคลำหรือการล่วงเกินทางเพศ
    • พยายามข่มขืน
    • ข่มขืน
  • สาเหตุของการล่วงละเมิดทางเพศ
    • สาเหตุทางสังคม คือ การที่สังคมให้ฝ่ายชายมีอำนาจเหนือกว่า ความต้องการทุกอย่างได้มาซึ่งอำนาจสามารถจะทำอะไรทุก ๆ อย่างได้
    • การกรุต้นจากสื่อต่าง ๆ
    • ความผิดปกติทางจิตของผู้กระทำความผิด
    • สิ่งเสพติด
    • ความอ่อนแอของผู้ถูกกระทำ
  • การระวังถูกล่วงละเมิดทางเพศ
    • เมื่ออยู่ในที่เปลี่ยวคนเดียวให้ระมัดระวังภัยเป็นพิเศษ สังเกตผู้คนที่เข้ามาใกล้ หลีกเลี่ยงการใส่หูฟัง หรือคุยโทรศัพท์เพราะจะทำให้ไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง
  • พฤติกรรมที่สงสัยได้ว่า อาจถูกล่วงละเมิดทางเพศ
    • แยกตัวเหม่อลอย
    • มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเพื่อน
    • วิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกายตนเองมากไป
    • ตื่นกลัว ตกใจง่าย โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่หรือผู้ชาย
    • หนีออกจากบ้าน
  • สิ่งที่ควรทำหากถูกล่วงละเมิดทางเพศ
    • ตั้งสติแล้วโทรแจ้ง 191
    • ไปในสถานที่ปลอดภัย เช่น บ้าน สถานีตำรวจ หรือโรงพยาบาล เพื่อรีบตรวจร่างกายว่าจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคจากการมีเพศสัมพันธ์หรือเปล่า
    • เป็นไปได้อย่าอาบน้ำ แปรงฟัน ดื่มน้ำ หรือเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะทุกอย่างสามารถใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี
  • โทษของการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก
    • ผู้ที่กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยที่เด็กจะยอมหรือไม่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้ที่กระทำได้ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายมีโทษจำคุก 15 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *