การป้องกันมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกป้องกันได้หรือไม่

มะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้ โดยการตรวจหาความผิดปกติของปากมดลูกได้รับการรักษาและตรวจติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ

มะเร็งของปากมดลูกเกิดขึ้นได้อย่างไร

มะเร็งของปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อ HPV จากการมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย หรือมีคู่นอนหลายคน เมื่อได้รับเชื้อ HPV แล้ว ความผิดปกติของปากมดลูกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้า ๆ เป็นระยะเวลา 10 – 15 ปี จึงจะกลายเป็นมะเร็ง โดยที่สตรีนั้นไม่มีอาการผิดปกติ แต่จะมีปากมดลูกผิดปกติอยู่ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเวลาตรวจภายใน

การตรวจหาความผิดปกติของปากมดลูก และการรักษาความผิดปกติ

การตรวจหาความผิดปกติของปากมดลูกนั้น มีหลายวิธี วิธีที่ใช้กันมาแต่ดั้งเดิม คือ Pap smear คือ การนำเซลล์ของปากมดลูกไปตรวจย้อมเชื้อหาความผิดปกติของปากมดลูก เมื่อพบมีความผิดปกติจะแจ้งผลตรวจให้สตรีผู้นั้นทราบและให้มาตรวจปากมดลูกซ้ำ โดยการใช้น้ำส้มสายชู 3 – 5% ป้ายที่ปากมดลูก แล้วใช้กล้องส่องขยาย (colposcope) จะเห็นความผิดปกติของปากมดลูกได้ชัดเจน และตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ จึงจะนำไปรักษาความผิดปกติของปากมดลูก โดยวิธีจี้เย็น หรือตัดปากมดลูกเป็นรูปกรวยตามแต่ขนาดของความผิดปกติที่พบได้ การตรวจหาความผิดปกติของปากมดลูก โดยวิธี Pap smear จะใช้เวลาประมาณ 1 – 2 เดือน จึงจะทราบผล และใช้เวลาอีกประมาณ 1 – 2 เดือน กว่าจะได้รับการรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่อยู่ในชนบท ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเวลาในการทำงาน

การตรวจหาความผิดปกติของปากมดลูกและการรักษาโดยวิธีที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

โดยการให้น้ำส้มสายชูมาป้ายปากมดลูก เพื่อให้เห็นความผิดปกติของปากมดลูก เพราะน้ำส้มสายชู จะไปทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อที่ผิดปกติของปากมดลูก ให้เห็นเป็นฝ้าสีขาว ขอบเขตชัดเจน และตำแหน่งที่แน่นอนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (Visual Inspection with Acetic Acid = VIA) หลังจากป้ายน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ 1 นาที ก็สามารถตอบได้ว่า ปากมดลูกปกติหรือผิดปกติ ถ้าผิดปกติจะเห็นเป็นฝ้าสีขาว มีขนาดและขอบเขตชัดเจน ถ้าความผิดปกตินั้นมีขนาดเล็ก เห็นขอบเขตชัดเจนก็จะได้รับการรักษาด้วยการจี้เย็นทันที ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 13 นาที โดยไม่ต้องใช้ยาชา ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลไม่มีโรคแทรกซ้อนและไม่เจ็บปวด หลังจากได้รับการรักษา จะได้รับการตรวจซ้ำอีก 5 ปี ต่อมา จะเห็นว่า การตรวจหาความผิดปกติของปากมดลูก และการรักษาโดยการจี้เย็นใช้เวลาทั้งหมดประมาณไม่เกิน 20 นาที ข้อดี คือ รู้ผลทันที และได้รับการรักษาทันที สำหรับสตรีที่มีความผิดปกติ (มีผ้าขาว) เห็นขอบเขตไม่ครบหรือมีขนาดกว้างมาก จะได้รับการส่งต่อไปรักษาโดยวิธีอื่น

การเตรียมตัวก่อนมาตรวจ

  1. หลังประจำเดือนหมดประมาณ 7 วัน
  2. งดการเหน็บยา 4 – 5 วัน
  3. งดการมีเพศสัมพันธ์ 2 – 3 วัน

อาการและการปฏิบัติตัวหลังจี้เย็น

  1. จะมีตกขาวมากกว่าปกติ จนอาจต้องให้ผ้าอนามัยเป็นเวลา 3 – 4 อาทิตย์
  2. งดการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 2 – 3 อาทิตย์
  3. อาจมีการปวดท้องน้อยให้รับประทานยาแก้ปวด
  4. ถ้ามีเลือดออก ซึ่งไม่ใช่ประจำเดือน มีไข้ มีตกขาว มีกลิ่น หรือมีอาการปวดท้องน้อยมาก รับประทานยาแก้ปวดแล้วไม่หาย ควรมาพบแพทย์

สตรีที่ควรได้รับการตรวจหาความผิดปกติของปากมดลูกโดยวิธีใช้น้ำส้มสายชู

  1. เพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
  2. มีคู่นอนหลายคน
  3. แต่งงานแล้ว
  4. มีบุตรหลายคน
  5. สูบบุหรี่ หรือมีคนใกล้ชิดสูบบุหรี่
  6. ไม่มีอาการผิดปกติ

อายุที่ควรเริ่มตรวจ และความถี่ของการตรวจ

  1. อายุ 30 – 45 ปี เพราะสามารเห็นตำแหน่งที่จะเกิดความผิดปกติได้ชัดเจน
  2. ควรตรวจซ้ำทุก 5 ปี หลังจากที่ตรวจครั้งแรกมีผลปกติ

ขอขอบคุณที่มาบทความ Cervicare Thailand (สปสช. กองอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *