หลักฐานเรื่อง “นรกสวรรค์จากพระไตรปิฎก”

เรื่อง “นรกสวรรค์” บางคนก็เชื่อ ในบางคนก็ไม่เชื่อ ส่วนใหญ่ของบางคนที่ไม่เชื่อก็มักจะอ้างว่า ถ้ามีจริงก็ต้องมองเห็น และเมื่อมองไม่เห็นก็แสดงว่า ไม่มีจริง คนที่รู้จักคิดย่อมจะไม่ด่วนตัดสินใจอย่างนั้น ในโลกนี้มีสิ่งที่ต่างกันมากมายที่เราไม่รู้ไม่เห็น เพราะการรับรู้ของประสาทสัมผัสของคนเราที่มีจำกัด เราจะมองไม่เห็นเชื้อไวรัส แต่อาจอ้างได้ว่า ไม่มีไม่ได้ เพราะนักวิทยาศาสตร์จะพิสูจน์ได้ว่า เชื้อไวรัสนี้มีจริง ในทำนองเดียวกันนี้ เราก็ผู้เป็นปุถุชนไม่มีฤทธิ์ไม่มีอำนาจ เมื่อเรามองไม่เห็นรูปกายที่ละเอียดของเทวดาหรือผี อาจจะอ้างได้ว่าเทวดาหรือผีไม่มีไม่ได้ เพราะนักวิทยาศาสตร์ชั้นยอดของโลกนี้ คือ พระพุทธเจ้าทรงรู้เห็นและได้ตรัสรับรอง มีการบันทึกอยู่ในพระไตรปิฎกมากมาย และถ้าใช้คอมพิวเตอร์ค้นพระไตรปิฎกฉบับบาลีสยามรัฐ จะพบศัพทธ์ สคฺค๋ (สวรรค์) 405 ครั้ง และจะพบศัพทธ์ นิรยํ (นรก) 485 ครั้ง แสดงว่า ในพระไตรปิฎกมีการกล่าวถึงนรกสวรรค์อยู่เสมอ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

พระเจ้าปเสนทิโกศลทูลถามพระพุทธเจ้าว่า

ป. ก็เทวดามีจริงหรือ

พ. เพราะเหตุไรมหาบพิตร (รู้ว่า เทวดามีจริงแล้ว) จึงตรัสถามอย่างนี้

ป. ถ้าเทวดามีจริง เทวดาเหล่านั้นมาสู่โลกนี้หรือไม่มาสู่โลกนี้

พ. เทวดาเหล่าใดมีทุกข์ เทวดาเหล่านั้นมาสู่โลกนี้ เทวดาเหล่าใดไม่มีทุกข์ เทวดาเหล่านั้นไม่มาสู่โลกนี้ (กัณณกัตถลสูตร 13/580)

พระเจ้าอังคติราช ผู้ที่เห็นผิดว่า ปรโลก (เช่น สวรรค์) และไม่มี บุญบาป ไม่มีผล ได้ทูลถามนารทฤษี (ชาติในอดีตของพระพุทธเจ้า) ว่า

อ. ดูก่อนท่านนารท ที่เขาพูดกันว่า เทวดามี ปรโลกมีนั้นเป็นความจริงหรือ

น. ที่เขาพูดกันว่า เทวดามี ปรโลกมีนั้น เป็นความจริงทั้งนั้น แต่ผู้หลงงมงายในกามไม่รู้ปรโลก

อ. ถ้าท่านเชื่อว่า ปรโลกมีจริง ท่านจงให้ทรัพย์ 500 กหาปณะแก่ข้าพเจ้าในโลกนี้ ข้าพเจ้าจะใช้ให้ท่านพันหนึ่งในปรโลก

น. ถ้ามหาบพิตรทรงมีศีล อาตมภาพก็จะให้ยืมสัก 500 แต่มหาบพิตรหยาบช้า ทรงจุติ (ตาย) จากโลกนี้แล้วจะต้องไปอยู่ในนรก ใครจะไปทวงทรัพย์พันหนึ่งในปรโลกเล่า ผู้ใดไม่มีศีลธรรม ประพฤติชั่วบัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่ให้หนี้ในผู้นั้น (มหานารถกัสสปชาดก 28/873)

พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับชาวบ้านศาลาโกศลชนบทมีความว่า ผู้ที่เห็นว่า ทานไม่มีผล และผลแห่งกรรม ที่สัตว์ทำดีทำชั่วไม่มี โลกหน้าไม่มี อุปปาติกสัตว์ (สัตว์ที่เกิดมาโตเต็มที่ทันที เช่น เทวดา) ไม่มี เป็นอันหวังได้ว่า จะไม่ประพฤติกุศลธรรม จะประพฤติอกุศลฑรรมเพราะเขาไม่เห็นโทษความต่ำทราม ความเศร้าหมองแห่งอกุศลธรรม ไม่เห็นอานิสงส์แห่งกุศลธรรม

ก็โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นของเขาว่า โลกหน้าไม่มีความเห็นของเขานั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ

ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขาดำริว่า โลกหน้าไม่มี ความดำริของเขานั้นเป็นมิจฉาสังกัปปะ

ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขากล่าววาจาว่า โลกหน้าไม่มี วาจาของเขานั้นเป็นมิจฉาวาจา

ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขากล่าววาจาว่า โลกหน้าไม่มี ผู้นี้ย่อมทำตนเป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ ผู้รู้แจ้งโลกหน้า

ก็โลกหน้ามีอยู่จริง เขายังผู้อื่นให้เข้าใจว่า โลกหน้าไม่มี การทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดของเขานั้นเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม (อปัณณกสูตร 13/106)

พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า ในโลกอันกว้างใหญ่นี้ สมณพราหมณ์ เทวดาผู้มีฤทธิ์ ที่มีทิพยจักษุรู้จิตคนอื่นได้ และเห็นไปได้ไกลด้วย เข้าใกล้ก็ไม่รู้ตัว มีอยู่ ถ้าพระภิกษุคิดในทางอกุศล สมณพราหมณ์ เทวดาทั้งหลายย่อมจะทราบความคิดนั้น (อธิปไตยสูตร 20/479)

พระพุทธเจ้าตรัสเล่าเรื่องคนทำบาปสิ้นชีพก็ไปเสวยทุกข์ทรมานแสนสาหัสอยู่ในนรก ในตอนท้ายพระองค์ทรงยืนยันว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจะได้ฟังเรื่องเหล่านี้มาจากสมณะหรือพราหมณ์อื่น แล้วจึงมากล่าวอย่างนี้ก็หามิได้ แท้ที่จริงเรากล่าวเรื่องที่เราได้รู้เอง ได้เห็นเอง แจ่มแจ้งเองทีเดียว (ทูตสูตร 20/475)

พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า เมื่อใดเทวดาที่จะต้องจุติเพราะสิ้นอายุ เทวดาทั้งหลายนั้นย่อมจะอวยพรว่า ท่านจากเทวโลกนี้ไปแล้ว จงถึงสุคติ นั่นคือ เกิดเป็นมนุษย์ และมีศรัทธาในพระสัทธรรม และเป็นศรัทธาที่ตั้งมั่น อันใคร ๆ ในโลกจะทำให้คลอนแคลนนั้นได้ (จวมานสูตร 25/261)

พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่า พระองค์ทรงมีญาณทัสสนะอันประเสริฐ 8 ประการ คือ จำโอกาส (แสงสว่าง) เทวดาได้ เห็นรูปเทวดา สนทนากับเทวดาได้ รู้ว่าเทวดามาจากเทพนิกายชั้นไหน รู้ว่าเทวดาเคลื่อนจากชั้นนี้แล้วไปเกิดชั้นไหน รู้ว่าเทวดามีอาหารและมีสุขทุกข์อย่างไร รู้ว่า เทวดามีอายุยืนยาวแค่ไหน รู้ว่าพระองค์เคยอยู่ร่วมกับเทวดาเหล่าใดบ้างหรือไม่ (คยาสูตร 23/161)

พกพรหมมีอายุยืนยาวมากจนเกิดมีความเห็นผิดว่า ฐานะแห่งพรหมเที่ยง ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย พระพุทธเจ้าจึงเสด็จไปพรหมโลกโปรดพกพรหมให้ละมิจฉาทิฏฐินั้นเสีย (พกสูตร 15/566)

นันทมารดาอุบาสิกาลุกขึ้นในเวลาใกล้รุ่ง สวปารายนสูตร ทำนองสรภัญญะ ท้าวเวสสวัณมหาราช (ซึ่งเป็นเทวดาในชั้นจาตุมหาราชิก) เสด็จผ่านไปด้วยกรณียกิจบางอย่าง ได้ทรงสดับเสียงสวดทำนองสรภัญญะของนันทมารดาอุบาสิกา จึงประทับรอฟังจนจบ (มาตาสูตร 23/50)

เมื่อมีอันตราย 10 อย่าง เช่น ผีเข้าภิกษุ (อมนุสสันตราย) เป็นต้น พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้สวดปาติโมกข์ย่อได้ (อุโบสถขันธกะ 4/163)

ประมวลเรื่อง เทวดา เทพบุตร และท้าวสักกะจอมเทพชั้นดาวดึงส์ ที่ไปทูลถามปัญหาต่อพระพุทธเจ้า มีสูตรทั้งหมด 81 30 และ 25 สูตรตามลำดับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเทวดาล้วน ๆ (เทวตาสังยุตต์ เทวปุตตสังยุตต์ สักกสังยุตต์ เล่ม 15)

พระลักขณะเดินทางได้ไปกับพระโมคคัลลานะผู้ที่เห็นเปรตที่มีลักษณะแปลก ๆ แต่พระลักขณะนั้นไม่เห็น พระโมคคัลลานะจึงได้ชวนท่านไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ๆ ทรงได้เล่าความเป็นมาของเปรตนั้น ๆ ให้ทราบ ซึ่งมีทั้งหมด 21 สูตร เป็นเรื่องเกี่ยวกับเปรตล้วน ๆ (ลักขณสังยุตต์ เล่ม 16)

กล่าวถึง เทพบุตรและเทพธิดาเล่ากรรมดีในอดีตที่ทำให้ตนได้เกิดในวิมาน มีทั้งหมด 85 เรื่อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับสวรรค์ล้วน ๆ (วิมานวัตถุ เล่ม 26)

กล่าวถึงกรรมชั่วที่ส่งผลให้ผู้ทำไปเกิดเป็นเปรต ได้รับความทุกข์ทรมานในลักษณะต่าง ๆ กัน มีทั้งหมด 51 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเปรต (เปตวัตถุ เล่ม 26)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *