วัยทองวัยสุขใส โดดเด่นไกลไปถึงฝัน ครอบครัวอาชีพนั้น แสนสุขสันต์สว่างไสว ตั้งรับความเปลี่ยนแปลง มิหน่ายแหนงร่วมแก้ไข ปลดปล่อยทุกข์ให้มลาย เฉิดไฉไลสมวัยทอง
เตรียมตัวเข้าสู่วัยทอง
สตรีเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป การทำงานของรังไข่จะค่อย ๆ ลดน้อยลง ทำให้ฮอร์โมนเพศ คือ เอสโตรเจน ค่อย ๆ ลดน้อยลงด้วย มีผลให้ประจำเดือน ค่อย ๆ หมดไป ร่างกายต้องปรับสภาพให้เคยชินกับการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ จึงเรียกวัยช่วงนี้ว่า “วัยหมดประจำเดือนหรือวัยทอง”
วัยทองในหญิงชาย มีลักษณะอาการคล้าย ๆ กัน แต่หญิงจะมีความรุนแรงมากกว่าชายตรงที่ระดับฮอร์โมนเอสโตเจนลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนของชาย จะค่อย ๆ ลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปทั้งนี้ ส่งผลต่อ
- ระบบหลอดเลือดและระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของหลอดเลือด
- ระบบจิตประสาท
- ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก
- ระบบอวัยวะสืบพันธุ์
- ระบบกระเพาะปัสสาวะ
อาการวัยทองเป็นอย่างไร
ด้านร่างกาย
- ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร
- ปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- เต้านมมีขนาดเล็กลง ไม่เต่งตึง
- ผิวหนังแห้งบาง เกิดกระและฝ้า
- กระดูกบางลง เกิดภาวะกระดูกพรุน จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วเพียงใด ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของกระดูก ที่สะสมไว้ตั้งแต่วัยสาว
- กล้ามเนื้อต่าง ๆ ลีบเล็กลง เป็นตะคริวง่าย
- ช่องคลอดแห้งบาง เจ็บแสบเวลามีเพศสัมพันธ์ มีการอักเสบ ติดเชื้อง่าย
ด้านจิตใจ
- อารมณ์แปรปรวน โมโหง่าย หงุดหงิด ซึมเศร้า วิตกกังวล ความเชื่อมั่นในตนเองลดลง
- ความรู้สึก และความต้องการทางเพศลดลง
สุขภาพของคนวัยทอง ขึ้นอยู่กับการดำรงชีวิตในวัยสาว ตั้งแต่เรื่องของการรับประทานอาหาร การพักผ่อน การทำงาน สภาพแวดล้อมและอารมณ์ ดังนั้นเมื่อมีการเตรียมพร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถมีคุณภาพชิตที่ดีในวัยทองได้
ส่วนชายยังมีความต้องการทางเพศสูงเหมือนหนุ่ม ๆ การตื่นตัวและตอบสนองข้าลงตามอายุ จึงมักไม่สอดคล้องกับภรรยา เนื่องจาก สภาพร่างกายเปลี่ยนแปลงเร็ว แต่ถ้าหากเข้าใจซึ่งกันและกัน จะช่วยลดความกดดัน และประคับประคองให้ครอบครัววัยทองมีสุขร่วมกันได้
การปฏิบัติตัวเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่วัยทอง
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดังนี้
- รับประทานข้าวฟ่าง ข้าวไม่ขัดสี ถั่วเขียว งาดำ ฟักทอง แครอท ข้าวโพด เพราะให้พลังงาน วิตามิน และแร่ธาตุ
- รับประทานถั่วเหลือง ซึ่งมีสารไพโตรเอสโตรเจน ช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ
- รับประทานผัก เพราะมีวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และมีแคลเซียม บำรุงกระดูกแลฟัน เช่น ใบยอ ใบชะพลู ยอดแค ผักกระเฉด ตำลึง
- รับประทานผลไม้หลากหลายชนิด เพราะมีวิตามินซี และวิตามินดี ช่วยในการดูดซึมและลดการสลายตัวของแคลเซียมจากกระดูก
- รับประทานปลา ซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ส่วนเนื้อสัตว์ชนิดอื่นให้เลือกที่ไม่ติดมัน
- รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นมพร่องมันเนย โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย
- ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8 – 10 แก้ว
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที สามารถทำได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสมของร่างกาย เช่น วิ่งเหยาะ เดินเร็ว ปั่นจักรยาน
- บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และกล้ามเนื้อหูรูด โดยการขมิบก้นครั้งละ 10 วินาที ให้ได้วันละ 50 – 100 ครั้ง เป็นประจำสม่ำเสมอทุกวัน เพื่อควบคุมการถ่ายปัสสาวะ
- ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนมาก
- ดูแลความสะอาด และบำรุงผิวหนังเป็นประจำ โดยใช้ครีม หรือโลชั่นตามความเหมาะสม
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง
- การใช้ฮอร์โมนหรือรับประทานยา ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์
- พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ เป็นประจำทุกปี โดยตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจเลือดหาระดับไขมัน ตรวจภายในค้นหามะเร็งปากมดลูก ตรวจค้นหามะเร็งเต้านม และตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก
แนวทางการส่งเสริมหญิง – ชายวัยทอง
- ให้ความรู้ที่ถูกต้องของการเปลี่ยนแปลงในร่างกายทั้งหญิง – ชาย
- จัดการกับอารมณ์และเท่าทันอารมณ์ตนเองเพื่อนำไปสู่การแก้ไขอย่างเหมาะสม
- นอนหลับ พักผ่อน ออกกำลังกาย และการทำสมาธิ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดความตึงเครียดและการเปลี่ยนแปลง
- พูดคุยกับคนใกล้ชิดให้รู้ และเข้าใจการเปลี่ยนแปลง
- เมื่อไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ขอรับการปรึกษาได้ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน
- หากเกินความสามารถส่งพบแพทย์