ลักษณะความสัมพันธ์ทางเพศที่นำไปสู่การมี SEX เพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย

ลักษณะความสัมพันธ์ทางเพศที่นำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย วัยรุ่นหญิงอธิบายถึงความสัมพันธ์ทางเพศไว้ 5 ลักษณะ ดังนี้

1.การมีเพศสัมพันธ์ที่คาดไม่ถึง วัยรุ่นหญิงอธิบายว่า เป็นเพศสัมพันธ์ครั้งแรกที่เกิดขึ้นโดยที่ตนเองไม่ได้คาดคิดมาก่อน จึงไม่ได้เตรียมการป้องกัน เนื่องจาก เป็น “วันแรก” จึงขาดประสบการณ์ ไม่คาดคิดว่า ความรู้สึกรัก ความผูกพัน การยอมให้ฝ่ายชายจับมือ หอมแก้ม กอดจูบบ่อย ๆ จะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ได้ วัยรุ่นหญิงจึงไม่ได้เตรียมป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการมีเพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น

วัยรุ่นเป็นวัยที่พัฒนาจากเด็กไปสู่วัยผู้ใหญ่ จึงเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ทำให้วัยรุ่นมีสรีระที่พร้อมจะเกิดอารมณ์เพศ และนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ได้ง่าย อันเป็นผลมาจากพัฒนาการตามวัย และอิทธิพลของฮอร์โมนเพศ เช่น เทสโตสเตอโรน (Testosterone) ในเพศชาย ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมพัฒนาการ และลักษณะทางเพศ ส่งผลให้เพศชายมีการฝันเปียก และเกิดความต้องการทางเพศ

ส่วนในเพศหญิงมีเอสโตรจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ทำให้มีรูปร่างอวบอิ่ม มีการสุกของไข่และมีประจำเดือน ประกอบกับพฤติกรรมเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น เช่น การพูดเกี้ยวพาราสี การสัมผัสผู้ใกล้ชิด การจับมือถือแขน การกอดจูบ และการสัมผัสใกล้ชิด การจับมือถือแขน การกอดจูบ และการเล้าโลม โดยเฉพาะในรายที่มีอารมณ์ความรักเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว มักทำให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น

2.ความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องจนยากจะยับยั้งชั่งใจ เป็นความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่พัฒนาขึ้นจนทำให้เกิดความต้องการทางเพศ และเมื่อเกิดความต้องการแล้ว ก็ยากจะยับยั้งไม่ให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ แม้ว่า วัยรุ่นหญิงเองจะมีจิตสำนึกที่ดี และตระหนักว่า ความสัมพันธ์ที่เกินเลยเป็นสิ่งที่ไม่ดี และไม่ควรปล่อยให้ดำเนินไปจนจบลงด้วยการมีเพศสัมพันธ์ แต่อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็ทำให้วัยรุ่นหญิงเองยากที่จะปฏิเสธความต้องการของตนและคนรักได้ โดยพบว่า ความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างวัยรุ่นชายและหญิงที่นำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์นั้น มีลักษณะเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องลึกซึ้งสรุปได้ 7 ขั้นตอน ดังนี้

  • ทำความรู้จัก
  • สร้างความสนิทสนม
  • ยอมคบเป็นแฟน
  • สร้างความผูกพัน
  • ยอมให้ถึงเนื้อถึงตัว “เขาก็กอดหนู ตอนอยู่ในโรงหนังค่ะ วันนั้น มันเงียบ คนน้อย หนูกับแฟนนั่งหลังสุด เราจูบกันนานกว่าทุกที เขาจับตรงนั้น เขาก็ให้หนูจับของเขา แต่ก็ไม่มีอะไรกันถึงขั้นมีความสัมพันธ์กันนะค่ะ ตอนนั้น”
  • ยอมเสียตัวเพราะรัก และ
  • จมปลักในเพศสัมพันธ์ “หนูอยากให้เขามาหาอีก แต่หนูก็แอบไปหาเขาจนได้ ไปอยู่กับเขา บางวันหนูก็โดดเรียนให้เขามารับ สุดท้ายก็จะลงเอยด้วยการมีอะไรกันทุกครั้งค่ะ”

การศึกษาของวรรณวิมล สุรินทร์ศักดิ์ อธิบายว่า สัมพันธภาพทางเพศระหว่างชายหญิงมักเกิดขึ้นเป็นกระบวนเป็นขั้นตอน ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ โดยลำดับ จากไม่มีการถูกเนื้อต้องตัว เริ่มมีการจูบหน้าผากหรือหอมแก้มเบา ๆ ตอนลากลับ มีการโอบกอดและสัมผัสเล็ก ๆ น้อย ๆ และจบลงด้วยการมีเพศสัมพันธ์ ในที่สุด อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นหญิงสามารถปฏิเสธการกระทำล่วงเกินได้ โดยภรภาดา อรุณรัตน์ ประไพวรรณ ด่านประดิษฐ์ และสุชาดา รัชชุกุล (2552) ศึกษากลวิธีในการปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นหญิงตามประสบการณ์ของวัยรุ่นชาย พบว่า มี 3 กลวิธี คือ การพูดตัดเยื่อใยไม่ตรี การอ้างว่า มีประจำเดือน และการบอกว่า ป่วย หากวัยรุ่นหญิงทราบถึงกลวิธีเหล่านี้ก็อาจใช้ป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรได้

3.ความสัมพันธ์บนพื้นฐานของอารมณ์มากกว่าเหตุผล เป็นความสัมพันธ์ทางเพศ หรือแรงขับทางเพศที่ขาดวิจารณญาณ ขาดเหตุผล เป็นความลุ่มหลงในรสสัมผัสจากฝ่ายชาย จนไม่สามารถใช้เหตุผลยับยั้งอารมณ์เพศและการมีเพศสัมพันธ์ได้

“ตอนนั้น มันไม่มีความคิด ทำอะไรก็ทำตามใจ ตัวเองรู้ว่า “ไม่ดี” ก็ก็ทำ เค้ากอดเขาจับก็เต็มใจ มักรักมาก แค่คิดว่า จะไม่มีเค้าอยู่ด้วย ก็ใจหาย .. มารู้ซึ้งถึงตอนที่มานอนกลุ้มลุ้นผลเลือดค่ะ ถ้าจะมาทุกข์ขนาดนี้ คงจะไม่ยอมให้เค้ามีอะไรด้วยหรอกค่ะ

การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและจิตใจที่เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศ ทำให้วัยรุ่นเกิดแรงขับทางเพศ และอยากรู้อยากลอง อารมณ์รักของวัยรุ่นจึงมักรุนแรง ขาดเหตุผล ขาดการไตร่ตรอง และไม่ได้คิดถึงผลเสียที่จะตามมาภายหลังจากการกระทำของตนเอง โดยเฉพาะปัญหาจากการมีเพศสัมพันธ์

4.ความสัมพันธ์ที่ปกปิดซ่อนเร้น เป็นความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายที่พยายามปิดบังความสัมพันธ์ฉันท์คนรักหรือการได้เสียกัน เพื่อป้องกันแรงกดดัน การต่อต้าน และการประฌามจากครอบครัว สังคม และบุคคลรอบข้าง แต่เพื่อที่จะให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไป จึงต้องโกหกพ่อแม่เพื่อปิดบังความจริง และหาโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกัน

นิมิต มั่งมีทรัพย์ กล่าวว่า การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนเป็นการกระทำทางเพศที่เป็นความลับ เพราะตระหนักดีว่า เป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ ทั้งนี้ เพราะวัยรุ่นต่างรู้ดีว่า พฤติกรรมดังกล่าวของตนมีผลกระทบต่อความรู้สึกความคาดหวังของครอบครัวและโรงเรียน หากพ่อแม่ให้ความเอาใจใส่และใกล้ชิดกับบุตรที่อยู่ในวัยรุ่นจนสามารถพูดคุยหรือปรึกษากันได้ ก็น่าจะเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถป้องกันปัญหาที่นำไปสู่เพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยได้

5.ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากรักจบลงด้วยทุกข์ เป็นความสัมพันธ์ที่เริ่มจากอารมณ์รักที่ดำเนินไปสู่จุดจบที่เป็นปัญหาและความทุกข์ทรมานตามมา เช่น การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ หรือการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์

“หลังมีอะไรกันแล้ว ทำให้เกิดเรื่องที่ไม่ดีค่ะ คือ พ่อแม่จับได้แล้วถูกทุบตี ครูไล่ออก ต้องออกจากโรงเรียนเพราะท้องก่อน ถูกเพื่อนว่า ครูว่า จนอับอาย สุดท้ายก็ต้องออกโรงเรียน…สุดท้ายก็ต้องไปทำแท้ง…”

วัยรุ่นหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์มักตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน บางรายถูกพ่อแม่ทำโทษ เฆี่ยนทุบตีต้องทนแบกรับปัญหา และความอับอาย พ่อแม่บางรายตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วย การจับแต่งงานเพื่อลดแรงกดดันจากสังคม ส่วนวัยรุ่นหญิงที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ก็ต้องทนกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน โดยเฉพาะการติดเชื้อเริมครั้งแรกจะมีความรุนแรงมาก ซึ่งการทำให้วัยรุ่นหญิงเข้าใจถึงความรักที่แท้จริง มีความเข้มแข็ง และมีสติยับยั้งคิดที่จะตัดใจจากความรัก ความหลงที่มีแนวโน้มว่า จะทำให้ตนเองตกอยู่ในความทุกข์ตั้งแต่แรกเริ่ม น่าจะเป็นแนวทางป้องกันปัญหาได้ อีกวิธีหนึ่ง

ขอขอบคุณที่มาบทความ ประสบการณ์การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยในวัยรุ่นหญิง โดย ศศิธร สิมคำ, จันทกานต์ กาญจนเวทางค์ และสุชาดา รัชชุกูล. จาก http://www.nurse.nu.ac.th/Journal/data/Vol.5%20No.1/007.pdf

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *