การมี SEX เพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย

ปัจจัยที่นำไปสู่การมี SEX เพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยมี 3 ปัจจัย ดังนี้

1.สถานการณ์ที่ล่อแหลม เป็นสภาพการณ์ที่วัยรุ่นหญิงกับฝ่ายชายอยู่ในสถานที่ลับตาคนตามลำพังสองต่อสอง ซึ่งเอื้อให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ได้ง่าย เช่น บ้านพักหรือห้องเช่าของคนรัก สวนสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยว เพราะเป็นสถานที่ที่เงียบ ปลอดคน และสามารถแสดงความรักต่อกันได้เต็มที่ไม่ต้องกังวลว่า ใครจะพบเห็น ดังนั้น เมื่อวัยรุ่นหญิงถูกเล้าโลมจากฝ่ายชายท่ามกลางสภาพการณ์ดังกล่าว จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายเลยเถิดจนมีเพศสัมพันธ์ในที่สุด

“อารมณของหนูมันมากกว่าทุกทีค่ะ ทุกครั้งไม่เคยเลยเถิดมีอะไรกัน เพราะกลัวจะมีคนเห็น แต่ครั้งนี้ลงตัวทุกอย่าง มันมืดไม่มีคนเห็นค่ะ”

ข้อค้นพบนี้สอดคล้องกับงานวิจัยหลายเรื่องที่พบว่า การอยู่สถานที่ลับตาตามลำพัง เป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการมี SEX เพศสัมพันธ์ในระดับสูงอย่าง ดังนั้น พ่อแม่หรือผู้ปกครองควรพูดคุยกับบุตรวัยรุ่น เกี่ยวกับการวางตัว การคบเพื่อนชาย การไม่อยู่ในสถานที่ลับตาคนสองคน และการมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ในวัยอันควร รวมถึงภาครัฐ/เอกชนควรสอดส่องดูแลสถานที่ท่องเที่ยว โรงภาพยนตร์ สวนสาธารณะ ให้มีความปลอดภัย มีแสงสว่างเพียงพอไม่เกิดมุมมืดลับตาคน และกำหนดเวลาเปิด – ปิดที่ชัดเจน เป็นต้

2.การใช้เครื่องดื่มมึนเมา การดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จะทำให้คู่รักขาดสติสัมปชัญญะ ไม่สามารถควบคุมความต้องการทาง SEX และไม่ตระหนักถึงการป้องกันหรืออาจป้องกันแต่เป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ

การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือสุรา เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ โดยสารเอทิล – แอลกอฮอล์ในสุราจะออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เนื่องจาก จิตใต้สำนึก ที่ควบคุมตนเองถูกกดจึงกล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกเก็บกดเอาไว้มากขึ้น

ซึ่ง Kim, et al., ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มนักศึกษาประเทศสเปน พบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่จะไม่ใช้ถุงยางอนามัยหลังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจาก ความสนุกสนานคึกคะนอง และขาดสติในการควบคุมตนเอง ดังนั้น เพื่อควบคุมและป้องกันการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้โดยง่าย การกวดขันให้งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคลที่อายุต่ำกว่า 18 ปี และการกำหนดสถานที่ห้ามจำหน่าย/เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น สถานศึกษา โรงหนัง สถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น ควรดำเนินการอย่างจริงจังให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม

3.กระแสนิยม (In – trend) ของกลุ่มเพื่อน ค่านิยมในกลุ่มเพื่อนมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของวัยรุ่นหญิงมาก เพราะธรรมชาติของวัยรุ่นจะผูกพันและต้องการการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน วัยรุ่นหญิงจึงถูกโน้มน้าวชักจูงให้มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้ง่าย เช่น การมีแฟน หรือคนรักและแยกกันอยู่เป็นคู่ การเที่ยวเตร่นอกบ้านตามลำพังกับแฟน รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์กับแฟน ซึ่งเพื่อน ๆ ในกลุ่มเห็นว่า เป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำกัน จึงไม่แปลกหากที่ทำตามเพื่อนบ้าง

“หนูว่า ถ้ามีโอกาสเหมาะที่อยู่ด้วยกัน รักกันแล้ว มันห้ามใจได้ยากค่ะ ที่จะไม่เลยเถิดกัน เพื่อนหนูหลายคู่ก็เช่าห้องอยู่ด้วยกัน มีอะไรกันก่อนจะแต่งงานทุกคน ไม่แปลกหรอกค่ะ แต่อย่าให้ท้องก่อนแต่งก็แล้วกัน ไม่มีใครดูออกหรอก ว่าเรามีอะไรกับผู้ชายมาก่อนเว้นเสียว่าท้อง”

การรวมตัวของวัยรุ่นจะมีการสร้างกฎเกณฑ์ของกลุ่มมีสัญลักษณ์และภาษาของกลุ่ม เพื่อให้สมาชิกในกลุ่มเท่านั้นที่เข้าใจ และทุกคนต้องทำตามเมื่อสมาชิกคนใดไม่ปฏิบัติตาม ก็จะถูกคัดออกจากกลุ่ม วัยรุ่นจึงต้องทำตามกฎเกณฑ์ หรือทำตามค่านิยมในกลุ่ม เพื่อให้เกิดการยอมรับ เนื่องจาก ค่านิยมในกลุ่มเพื่อนมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของวัยรุ่น ดังนั้น ควรนำแนวคิดนี้ไปใช้ให้เหมาะสมในเชิงสร้างสรรค์ เช่น การอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ และทักษะชีวิตให้แก่วัยรุ่น และเปิดโอกาสให้วัยรุ่นได้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่าง ๆ ในโรงเรียน ในลักษณะของ

“ชมรมสร้างค่านิยม” โดยได้รับการสนับสนุนจากครูและบุคลากรสาธารณสุขก็จะเป็นแนวทางหนึ่งที่นอกจาก จะช่วยเพิ่มคุณค่า และความภาคภูมิใจในตนเองให้แก่วัยรุ่นแล้ว ยังเป็นการสร้างบรรยากาศแวดล้อมที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่วัยรุ่นโดยรวมอีกด้วย

ผลกระทบจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย พบ 3 ประเด็น ดังนี้

1.ความอับอายเสียชื่อเสียง เป็นผลจากการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้ตนเองและครอบครัวต้องอับอาย บางรายต้องออกโรงเรียนทั้งที่ยังเรียนไม่จบ ถูกลงโทษตามกฎของโรงเรียนหรือจากพ่อแม่ของตน ทำให้วัยรุ่นหญิงเกิดความเครียด หดหู่ เสียใจ ท้อแท้ ผิดหวัง ทำร้านตนเอง จนคิดฆ่าตัวตาย เพื่อหลีกหนีความอับอาย

“ครูรู้มาจากใครไม่รู้ ก็อ่าออกหน้าเสาธง บอกเธอมีผัวแล้ว จะมาเรียนทำไม หนูอายมากเสียใจ วันนั้นหนูไม่เข้าห้องเรียน ขี่รถกลับบ้านตอนเช้านั้นเลย หนูกลับมาก็ไม่เจอใครเขาไปไร่กันหมด หนูคิดมาก ว่าเราเป็นคนเลวสกปรก ทำให้ครูรังเกียจ อับอาย พ่อแม่ก็อายมีลูกหนีตามผู้ชาย… คือ หนูกะจะผูกคอที่สวนหลังบ้าน ตรงต้นมะม่วง..”

การที่วัยรุ่นหญิงตั้งครรภ์โดยไม่ได้แต่งงาน หรือ “ชิงสุกก่อนห่าม” ถือว่า เป็นพฤติกรรมที่เสียหายและละเมิดความเชื่ออันเป็นข้อห้ามของสังคม จึงถูกประฌามติเตียนด้วยถ้อยคำต่าง ๆ แม้แต่ในครอบครัวของตนเองก็มักถูกพ่อแม่ ผู้ปกครองด่าว่ากล่าว ทำโทษเฆี่ยนตี อาจะเพราะสังคมไทยมีลักษณะวัฒนธรรมให้ผู้หญิงต้องระมัดระวังเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาว การสำรวมกริยามารยาทและรักษาความบริสุทธิ์ไว้จนกว่าจะแต่งงาน กฎเกณฑ์สำหรับผู้หญิงจะเข้มงวดมากกว่าผู้ชาย เพราะสรีระวิทยาที่เพศหยิง จะต้องเป็นผู้ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตร จึงทำให้วัยรุ่นหญิงได้รับการตอบโต้ที่รุนแรงมากกว่าวัยรุ่นชาย

2.การเป็นภาระของครอบครัว การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยของวัยรุ่น นอกจากจะส่งผลโดยตรงกับวัยรุ่นหญิงเองแล้ว ยังสร้างภาระด้านเศรษฐกิจแก่ครอบครัว เช่น การดูแลขณะตั้งครรภ์และการเลี้ยงดูบุตรหลังคลอด

“ตอนนี้หนูก็ยังต้องให้พ่อแม่ ยายเลี้ยงหนูเลย หนูยังไม่มีเงินมีรายได้เป็นของตัวเองเลย ตัวเองยังขอเงินแม่ใช้อยู่ แต่หนูก็มา สร้างให้ลำบากกว่าเดิมตัวหนู แฟน แล้วก็ยังลูกหนูอีก”

วัยรุ่นหญิงที่ตั้งครรภ์ขณะเรียนมักทนความอับอายไม่ได้ และไม่ยอมกลับไปเรียนต่อ ทำให้เรียนไม่จบ ไม่มีงานทำ และไม่มีรายได้ จึงรู้สึกว่า ตนเองเป็นภาะของพ่อแม่ จากการศึกษาเรื่องประสบการณ์การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยในวัยรุ่นหญิง พบว่า วัยรุ่นหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ มีความเชื่อหรือความเข้าใจส่วนตัวว่า ถ้าการแสดงความรับผิดชอบของฝ่ายชายด้วยการแต่งงาน จะเป็นวิธีที่สำคัญในการช่วยแก้ปัญหาหรือลดแรงกดดันจากพ่อแม่ ผู้ปกครองและสังคมโดยรอบได้ แต่แท้จริงแล้วการแต่งงานด้วยความไม่พร้อม ขณะที่ยังเรียนไม่จบไม่มีงานทำ และไม่มีรายได้ รวมถึงยังขาดวุฒิภาวะในการเลี้ยงดูบุตรที่จะเกิดมา ทำให้ชีวิตครอบครัวของวัยรุ่น มักจบลงด้วยการแยกทางหรือหย่าร้างกันในที่สุด ซึ่งวัยรุ่นหญิงและบุตรก็ยังคงเป็นภาระของครอบครัวต่อไป

3.ความทุกข์ทรมานด้านร่างกายและจิตใจ วัยรุ่นหญิงมักเป็นฝ่ายที่ต้องการแบกรับความทุกข์ทรมาน จากผลของการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยเพียงลำพัง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่ต้องการหรือการทำแท้งรวมถึงความเจ็บปวดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์

“หนูไปทำมาได้สองวันค่ะ แม่พาไปหาหมอที่โรงพยาบาล เพราะไม่ใช่แค่เด็กในท้องที่อันตราย แม่ก็อาจไม่รอดด้วย เพราะหนูซีดด้วย อาเจียนทั้งคืนเลย หลังไปทำมา”

“หนูเป็นเริมค่ะ หมอบอกติดจากคู่นอน … หนูรู้สึกเจ็บ ๆ แสบเวลาฉี่ พออีกสองวันมันปวด ปวดอย่างมากเข้าห้องน้ำฉี่อย่างปวดถึงกับน้ำตาเล็ดเลย หนูรักษากินยาแล้วทายาเป็นเกือบ ๆ เดือนทรมานมาก..”

การหาทางออกด้วยการทำแท้ง หากทำไม่สำเร็จก็จะก่อให้เกิดความกลัวกังวลใจ ในผลที่จะเกิดต่อเด็กในครรภ์ กลัวพิการ มีอวัยวะไม่สมบูรณ์ สำหรับการติดเชื้อเริมครั้งแรก จะมีอาการจะรุนแรงมาก ได้แก่ ไข้สูง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดท้องบริเวณหัวเหน่า  ตกขาว แสบคันช่องคลอด โดยเฉพาะเมื่อมีตุ่มน้ำใส ๆ ขึ้นบริเวณปากช่องคลอดและรอบ ๆ ทวารหนัก นอกจากควาทุกข์ทรมานด้านร่างกายแล้วบางรายต้องทนทุกข์กับความกลัว ความกังวลใจว่าอาจจะติดเชื้อโรคเอดส์ในช่วงรอผลการตรวจเลือดอีกด้วย

กล่าวโดยสรุป การให้ความปมายของเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยตามการรับรู้ของวัยรุ่นหญิงนั้นสะท้อนถึงความไม่มั่นคงปลอดภัยในชีวิตทั้งด้านร่างกาย จิตสังคม และจิตวิญญาณมากกว่าการรับรู้เพียงการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่สวมถุงยางอนามัยเท่านั้น นอกจากนี้ ยังทำให้ทราบถึงลักษณะของความสัมพันธ์ทางเพศที่นำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยตั้งแต่การสร้างสัมพันธภาพในระยะเริ่มต้นจนถึงการมีเพศสัมพันธ์เกี่ยเนื่องในครั้งต่อ ๆ ไป

ขอขอบคุณที่มาบทความ ประสบการณ์การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยในวัยรุ่นหญิง โดย ศศิธร สิมคำ, จันทกานต์ กาญจนเวทางค์ และสุชาดา รัชชุกูล. จาก http://www.nurse.nu.ac.th/Journal/data/Vol.5%20No.1/007.pdf

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *