ปัญหาความทุกข์ เศร้า เครียด วิตกกังวล เงินไม่พอใช้ หนี้สิน แฟนทิ้ง ที่หาทางออกไม่ได้

ปัจจุบันนี้ มนุษย์เราใช้ชีวิตอยู่กับความทุกข์ ความเศร้า ความเครียด ความกดดัน ความวิตกกังวล ปัญหาอุปสรรค เงินไม่พอใช้ ปัญหาหนี้สิน ความยากลำบาก โดยเฉพาะในปี 2565 หลังผ่านวิกฤตโควิดมาแล้ว ก็มาเจอกับสภาพเงินเฟ้อ น้ำมันแพง ค่าไฟแพง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แพงขึ้น เห็นได้ชัดจากการใช้จ่าย ในปี 2563 จนถึงปี 2565 ไข่ไก่ จากที่เคยซื้อกัน เบอร์ 0 แผงละ 107 – 110 บาท ตอนนี้ขึ้นไปแผลละ 180 บาทกันแล้ว และอกไก่จากที่เคยซื้อกิโลกรัมละ 65 – 72 บาท ตอนนี้ ที่เพิ่งซื้อไปเมื่อวานนี้ อกไก่ กิโลกรัมละ  115 บาท เรียกว่า ทุกอย่างแพงขึ้น แต่รายได้เท่าเดิมนะ คิดแล้วก็เหมือนเพลง ของอื่นนั้นขึ้นราคา แต่ค่าตัวน้องเท่าเดิม

สิ่งที่เราเข้าใจกันตลอดมานั้น คิดว่า บุญ กรรม แต่ละคน ในชาติปางก่อน ทำให้เรามีเงินไม่พอใช้เหมือนกัน มีความจน ความรวย ความสุขสบาย การศึกษา พ่อแม่ ทุกสิ่งทุกอย่างมีการสอนบอกต่อกันมาว่า เป็นเรื่องของเวรกรรม ในวันนี้ ไม่ได้มาชวนให้เปลี่ยนความคิดในเรื่องของศาสนา เวรกรรม บุญ กรรม หรืออะไรที่เคยเรียนรู้กันมา แต่ในบทความนี้ เราจะมาเริ่มคิดใหม่ คือ เริ่มจาก ความคิดของตัวเราเอง เคยได้ยินหรืออ่านมา จำไม่ได้นะ มีคนบอกว่า “ความคิดเราเป็นใหญ่นะ” “เราคิดอะไรก็จะเป็นไปตามนั้น” อย่างที่คนพูดกัน คนนั้น คิดบวก คิดลบ หรือคิดไม่ดีกับคนอื่น ก็จะได้อย่างนั้น น่าจะประมาณนี้นะ ในที่นี้ ก็จะพยายามสื่อสารกันแบบง่าย ๆ นะ

จะขอเล่าถึงเพื่อนคนนึงตั้งแต่เด็กแล้ว รู้จักกันตั้งแต่เริ่มจำความได้ เพื่อนคนนี้ก็ยังติดต่อคบกันมาตลอด จนตอนนี้ก็อายุ 53 ปีแล้วนะ สิ่งที่เพื่อนคนนี้ พูดกับเราประโยคนึงตั้งแต่เป็นเด็กสาว ๆ รุ่น ๆ เลยนะ และพูดกับเราหลายครั้ง จำฝังใจเลยนะ “มีเงินเท่าไหร่ก็ใช้ให้หมด เดี๋ยวเงินมาเอง อย่าไปเก็บ ยิ่งเก็บเงินยิ่งไม่มา ต้องใช้มัน” เราก็คิดมาตลอดว่า เพื่อนฟุ่มเฟือย แต่เดี๋ยวขอเล่าย้อนประวัติของเพื่อนคร่าว ๆ ก่อนนะ เรากับเพื่อนฐานะทางครอบครัวประมาณเท่ากัน สิ่งที่เรากับเพื่อนแตกต่างกันคือ เพื่อนไม่ได้ตั้งใจเรียน เรียนในห้องตั้งแต่ประถมก็สอบตกตลอด พอเริ่มเข้ามัธยมต้น ก็ต้องสอบซ่อมตลอด จนจบม.ปลายนะ แต่เราไม่ได้เรียนเก่งอะไร แต่ตั้งใจเรียน และสอบผ่านตลอด ไม่เคยมีคำว่าไปเรียนตอนปิดเทอมเพื่อสอบซ่อม เพื่อนเราคนนี้ นางต้องไปเรียนทุกปิดเทอมเพื่อสอบซ่อมให้ผ่านแต่ละวิชา พอนางเรียนจบ ม.ปลาย นางก็หาที่เรียนต่อ (มหาลัยไม่ได้เพราะคะแนนเกรดไม่ถึงเกณฑ์) มีแต่ต้องต่อ ปวช. นางไม่อยากเรียน ทางบ้านเลยส่งให้นางไปอยู่กับพี่ชายที่ไต้หวัน เพื่อเรียนภาษาและหาที่เรียนต่อ แต่นางเรียนภาษาได้ 1 ปี นางก็กลับไทยแล้ว นางบอกกับทุกคนว่า เรียนต่อไม่ไหว เหนื่อย แต่สิ่งที่นางบอกกับเราแตกต่างจากคนอื่นนะ นางบอกว่า “จะเรียนทำไมกัน อย่าใช้สมองเยอะ แค่นี้พอแล้ว เงินนะเดี๋ยวมาเอง ไม่เกี่ยวกับสมอง เงินมาเอง” คือ ลักษณะนิสัยของนาง นางคิดบวกกับทุกเรื่องนะ นางสอนเราประจำ “อย่าคิดเยอะ อย่าคิดมาก คิดให้เป็นบวก ดี ไว้ อย่าคิดทางร้าย ทุกอย่างดี ทุกอย่างดี ทุกอย่างดี” นางสอนเราแบบนี้ตลอด ทุกครั้งที่มีเรื่องกลุ้มใจ นางจะส่งข้อความมา “ทุกอย่างดี ทุกอย่างดี ทุกอย่างดี ยิ้มไว้”  พอเราพูดอะไรที่เป็นเรื่องกลุ้มใจ นางจะบอกว่า “หยุดพูด พูดแต่สิ่งดี ๆ หยุดคิด หยุด หยุดเลย” พอเราทนอะไรไม่ได้จะร้องไห้ นางจะบอกว่า “หยุดเลย อย่าร้องไห้ ยิ้มเดี๋ยวนี้”

พอนางกลับมาไทย ก็มีคนแนะนำให้นางไปเป็นไกด์ นางก็ไปสอบบัตรไกด์ สมัยก่อน 30 กว่าปีแล้วนะ นางก็สอบมาได้ ทำงานไกด์ได้สองรอบเท่านั้น นางก็ได้สามีแล้ว แต่นิสัยนางไม่เคยเปลี่ยน เราคบกับนางมา นางยังคงเหมือนเดิมแต่เด็ก คือ “มีเงินเท่าไหร่ ใช้ให้หมด เดี๋ยวเงินก็มาเอง” ทุกคนเชื่อไหม ชีวิตนางไม่มีลำบากเลย นางมีเงินใช้มาตลอดชีวิต นางได้สามีรวยมาก เป็นคนไทยนะ อยู่ประเทศไทย และสามีนาง และครอบครัวสามี ไม่สนใจด้วยว่า นางจะเรียนจบอะไร นางมีชีวิตที่มีเงินใช้ตลอดจริง ๆ ทุกสามปี สามีนางจะเปลี่ยนรถคันใหม่ให้ตลอด นางบอกไม่เคยขอเลยนะ

เมื่อวันก่อน เราได้หนังสือแรงดึงดูดพลังจักรวาลมา พอเราอ่านหนังสือเล่มนี้ เราคิดถึงเพื่อนเราคนนี้เลย เพื่อนผู้มาก่อนกาล นางเป็นคนดี คิดบวกกับทุกคน ไม่เคยโกธรใครเลย และไม่เคยจำคำพูดใครได้ เพื่อนเราคนนี้ พูดกับเราประโยคนี้ มาตั้งแต่เด็กนะ แต่มันติดอยู่ในหัวมาตลอด เพราะเราคิดว่า เราทำงาน หาเงิน เก็บเงิน ประหยัด แต่นางไม่เคยเก็บเงินเลย ใช้เงิน คือ เงินไปโรงเรียนเท่าไหร่ นางไม่เคยมีเหลือเลย ใช้หมดทุกวัน เรานะมีเงินเก็บทุกวัน

สิ่งที่เราเห็นพลังแรงดึงดูดจากเพื่อนเรา หลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้ คือ เพื่อนเรามี “พลังบวก” คิดว่า มีเงินให้ใช้ตลอด เดี๋ยวเงินก็มา นางมีเงินใช้ตลอดจริง ๆ นางไม่เคยเงินขาดมือเลย และนางมีพลังบวกในตัวเอง คือ เวลานางพูดหน้านางจะยิ้มตลอด สามีนางบอกนางว่า ชอบตอนนางพูด หน้านางยิ้มตลอด นางไม่เคยมีหน้าเศร้าเลย หน้านางยิ้มตลอดเวลา ครอบครัวสามีนางชอบที่หน้านางยิ้มตลอดเวลา บอกว่า เป็นหน้าของคนมีบุญ และบอกว่า นางมาทำให้ครอบครัวสามีนางรวยขึ้น ตั้งแต่อยู่กับสามีมา ครอบครัวทางสามีนางรวยเงิน มีเงินเข้ามามากขึ้นจากแต่เดิมที่ธุรกิจแบบเดินช้า พอนางไปอยู่บ้านด้วย ธุรกิจดีไปหมด นี่เพราะ “พลังแรงดึงดูด” จากตัวนาง

ที่เล่าให้ฟัง เราไม่เคยอิจฉาเพื่อนเลยนะ เพราะเราคิดมาตลอดว่า นางมีบุญ นางวาสนาดี แต่เมื่อเราได้อ่านหนังสือแรงดึงดูดจากพลังจักรวาล เราเปลี่ยนความคิดทันที เพราะนางมี “แรงดึงดูดเงิน” ดูดคนที่จะหาเงินมาให้นางใช้ ดูดทุกอย่างตามความคิดของนาง ดูดมาให้กับคนรอบตัวนาง นี่เป็นเรื่องที่เราเพิ่งจะมองเห็น ซึ่งจริง ๆ แล้วแค่เราเปลี่ยนความคิดเท่านั้นเองนะ แต่เราก็ยังเชื่อในเรื่องของบุญ กรรม วาสนานะ ว่ามีส่วนด้วยนะ แต่ก็อาจจะมีน้อย เพราะชีวิตที่เราดำเนินอยู่ในปัจจุบันนี้ คือ เป็นไปตามการกระทำของตัวเราที่กระทำไปนะ

ตอนนี้ เราเริ่มเปลี่ยนความคิดนะ แต่ก็ไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือย หรือเปลี่ยนเป็นความคิดเดียวเหมือนเพื่อนนะ เราเริ่มจากทำบางอย่างที่เริ่มจากการขอบคุณตัวเราเอง เริ่มทำตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า และก่อนนอนทำวนไปทุกวัน เราทำมาสักพักแล้ว รู้สึกเลยว่ามันดีขึ้น มันทำให้จากสภาพจิตใจที่ห่อเหี่ยว หมดพลังในตัวเอง เริ่มดีขึ้น และเริ่มจากตัวเราเองไม่ต้องไปลงทุน ใช้จ่ายเงินอะไรเลยนะ เริ่มปรับจากจิตใจเราก่อนเลย

เราทำแบบนี้นะคะ เรานำวิธีการจากที่ได้อ่านจากในหนังสือมาปรับใช้ให้เข้ากับเราเอง และเราขอบคุณ ขอโทษตัวเองก่อน ในตอนเช้า เมื่อตื่นนอน เราจะนั่งมองที่กระจก มองหน้าตัวเอง มองดวงตาของตัวเอง จ้องมองอยู่นานสักพัก จนรู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่าง จนเราสัมผัสได้ เราก็เริ่มยิ้มให้กับตัวเราในกระจก และเริ่มพูดตามความคิด แค่คำแรกที่เริ่มพูด “ขอบคุณนะ” แค่คำนี้จริง ๆ ในวันแรกน้ำตาเราไหลเลย แต่เราก็ไม่หยุดพูดนะ พูดไปเรื่อย ๆ ร้องไห้ไม่หยุดเลย และก็ขอโทษตัวเอง ขอโทษที่ทำร้ายตัวเอง ขอโทษนะ เหนื่อยมากใช่ไหม ขอบคุณร่างกายและจิตวิญญาณนี้ที่ยังอยู่กับเรา ขอบคุณ พูดไป และเราก็ขอกับตัวเอง ขอในสิ่งที่อยากได้ ขอในสิ่งที่เราทำ

และในตอนกลางคืนก่อนนอน เราก็อธิษฐานต่อพระเจ้า (พลังจักรวาล) เราหลับตาและตั้งจิตนิ่ง ๆ พอจิตเริ่มนิ่ง เราก็ขอ โดยเราคิดเรียบเรียงคำพูดมาก่อนนะ และก็อธิษฐานขอให้พลังงานแห่งความรักจากพระเจ้า พลังงานแห่งความรักจากพลังจักรวาลช่วยเปิดทาง…………………….. ว่าไปนะ ว่าจะขอเรื่องอะไร เราก็ทำวนไป แบบนี้ เช้าและก่อนนอน ในทุกเช้าที่เราทำ ถึงแม้จะสัปดาห์นึงแล้ว เราก็ยังน้ำตาไหล รู้สึกมีพลังในทุกเช้า จากที่สองสามปีมานี้ เรารู้สึกแย่ในชีวิต เรียกว่า รู้สึกไม่อยากอยู่แล้วเลยว่าได้ เราเคยนั่งคิดคำนวณวงเงินประกันชีวิตว่าคนในครอบครัวจะได้อะไรบ้าง ควรตายแบบไหนให้ได้เงินมากที่สุด เราเคยเป็นขนาดนี้นะ

จากภาพจะเห็นได้ว่า ตัวเลขมีการขยับขึ้น มีลูกศรชี้ขึ้น ภาพนี้เป็นแค่แสดงเพื่อให้เห็นภาพเท่านั้น

หลังจากที่ทำวนไปประมาณ 1 สัปดาห์สิ่งที่เราทำอยู่มันขยับนะ ตัวเลขจากที่น้อยมาก มันขยับขึ้น สมมติว่า จากงานที่เราทำตัวเลขที่เราได้ทุกเดือน 20 เหรียญมาตลอด 2 ปี แต่พอเราเริ่มทำตรงนี้ 1 สัปดาห์ ตัวเลขเราเพิ่มขึ้น มาเป็น 27 เหรียญ มันเพิ่มขึ้นนะ คือ 2 ปีมาตลอด ตัวเลขนี้อยู่ที่ประมาณ 20 เหรียญ ซึ่งเราก็เฉย ๆ กับมันนะ แต่ตอนนี้ เรารู้สึกเหนื่อยกับชีวิต ปัญหาต่าง ๆ เราไม่อยากออกไปดิ้นรนต่อสู้กับปัญหาภายนอกแล้ว เราขอให้สิ่งที่เราทำที่เคยเป็นรายได้เล็กน้อย มาเป็นรายได้หลัก ให้เราอยู่ได้ โดยไม่ต้องออกไปต่อสู้ดิ้นรนกับโลกภายนอก 1 อาทิตย์ มันเห็นผลนะถึงแม้จะเป็นแค่การเริ่มต้น ตัวเลขนี้เราไม่สามารถแต่งเติมเพื่อเอามาแสดงได้ มันเป็นตัวเลขจริง ๆ ที่เกิดขึ้น เรานำภาพมาแสดงให้เห็น เพื่อให้ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านนี้ มองเห็นภาพของความเปลี่ยนแปลงของพลังแรงดึงดูดแค่เราเปลี่ยนความคิด ขอโทษ ขอบคุณตัวเอง และขอพรจากตัวเองและพลังจากจักรวาลเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราทำอยู่ มันช่วยลดความกดดัน ความเครียด ความผิดหวัง ความเสียใจ ความทุกข์ ความเศร้า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีตได้ ในส่วนตัวเราปัญหาก็มีแค่เรื่องความผิดพลาด ความผิดหวัง ความกดดันในชีวิต และเริ่มเกิดความเศร้า แต่หมอบอกว่า เกิดจากฮอร์โมนด้วยนะ แต่สำหรับท่านที่มีปัญหาเงินทอง หนี้สิน เงินไม่พอใช้ แฟนทิ้ง เลิกกับแฟนลองทำดูนะคะ เราอยากให้ทุกคนได้ลองทำ ถ้าไม่ได้ขออะไร ก็แค่ลองเริ่มต้น ด้วยการขอบคุณ และขอโทษตัวเองก่อนนะคะ เราคิดว่า แค่นี้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วค่ะ ท้ายสุดนี้ เราขอให้ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ ผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตไปได้ด้วยดี มีกำลังใจ มีกำลังกาย มีพลังในการดำเนินชีวิตต่อไป และมีเงินทอง ทรัพย์สิน งานการที่มั่นคง ค้าขายได้ดี มีลูกค้าหาร้านพบได้โดยเร็ววัน มีสินค้าที่ตรงตามความต้องการของลูกค้ากันทุกท่านนะคะ และขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.freepik.com/author/bedneyimages

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *