คาถาศักดิ์สิทธิ์แก้กรรมต่าง ๆ พระคาถาศักดิ์สิทธิ “พระคาถาธารณปริตร”

คาถา หมายถึง วาจาอันศักดิ์สิทธิ์ บางทีไม่จำเป็นต้องมีความหมาย แต่ใช้ได้ผลจริง ดุจรหัสลับ การหมั่นท่อง การสาธยาย จึงมีพลังบางอย่างหลั่งไหลมาที่ผู้สวด ถ้าคาถาของพระพุทธเจ้า ดีหมดทุกคาถา ถ้าคาถาของครูอาจารย์ก็ดีกันไปตามสายวิชาต่าง ๆ การใช้คาถาให้ได้ผล ถ้าคาถาสั้นให้ใช้การสวดอิงคาบลม หมายถึง หายใจเข้าหนึ่งครั้ง สวดให้ได้ 1 จบ หายใจออก 1 ครั้งให้ได้ 1 จบนี่เรียกว่า คาบลม ขลังทุกประการ

การใช้คาถาให้ได้ผล คือ ต้องมีศีลก่อนในบทแรก ดังนั้น ก่อนสวดมนต์ทุกครั้งให้สมาทานศีลห้าก่อนทุกครั้ง การสมาทานศีลห้า คือ นะโมฯ 3 จบ จากนั้นไตรสรณคมน์ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ไล่ไปจนถึงตะติยัมปิ สังฆังสะระณังคัจฉามิ จากนั้นจึงท่องไล่ไปทีละข้อ ปาณาติปาตาเวระมณีสิกขา ปะทังสะมาทิยามิ ไล่ไปจนถึง สุราฯ ต้องไปบอกเบื้องต้นด้วย เพราะบางท่านมือใหม่ การสวดมนต์ เป็นการเริ่มต้นของการฝึกภาวนา ชนิดหนึ่ง คาถาเป็นสิ่งหน่วงนำให้จิตให้เข้าสู่สมาธิได้หน่วงนำให้อภิญญาได้ เรื่องของคาถาเกี่ยวเนื่องกับอภิญญาโดยตรง และคาถาทำให้จิตสงบนิ่ง เกิดกุศลจิตเป็นมหากุศล ดังนั้น แม้เราไม่ได้บริจาคทาน จ่ายเงิน แต่เราสวดมนต์ก็ได้บุญ บุญกุศลจึงมาหนุนดวงแก้ไขกรรมได้

พระคาถาศักดิ์สิทธิ “พระคาถาธารณปริตร” นี้จะช่วยในการเสริมดวง เปิดบุญบารมีได้มาก ใครดวงปิด ทำมาค้าขายไม่ขึ้นสวดแล้วสาธยายแล้ว จะเปิดดวงได้อย่างมาก

พุทธานัง ชิวิตตัสสะ นะ สักกา เกนะจิ อันตะราโย

กาตุง ตถา เม โห ตุ อตีตัง เส พุทธัสะ ภะคะวะโต

อัปปฏิหะตะญานัง อนาคตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญาณัง

ปัจจุบันนัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญาณัง

อเมหิ ตีหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ

พุทธัสสะ ภะคะวะโต สัพพัง กายะกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง สัพพัง วจีกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง สัพพัง มะโนกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง

อิเมหิ ฉะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต นัตถิ ฉันทัสสะ หานิ นัตถิ ธัมมะเทสนายะ หานิ นัตถิ วิริยัสสะ หานิ นัตถิ วิปัสสะนายะ หานิ นัตถิ สมาธิธัสสะ หานิ นัตถิ วิมุตติยา หานิ

อิเมหิ ทะวาทิสะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต นัตถิ ทะวา นัตถิ ระวา นัตถิ อัปผุฏฏัง เวคายิตัตตัง นัตถิ พะยาวะฏะมะโน นัตถิ อัปปฏิสังขารุเปกขา

อิเมหิ อัฏฐาระสะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวาโต นะโม สันตันนัง สัมมนาสัมพุทธานัง นัตถิ ตะถาคะตัสสะ กายะทุจริตตัง นัตถิ ตะถาคะตัสสะ วจีทุจริตตัง นัตถิ ตะถาคะตัสสะ มะโนทุจริตตัง นัตถิ อตีตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญาณัง นัตถิ อนาคตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญานัง นัตถิ ปัจจุบันนัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญานัง นัตถิ สัพพัง กายะกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง นัตถิ สัพพัง วจีกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง นัตถิ สัพพัง มะโนกัมมัง ญาณานุปัพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง อิมัง ธาระณัง อะมิตัง อะสะมัง สัพพะสัตตานัง ตาณังเลณัง สังสาระ ภะยะภีตานัง อัคคัง มหาเตชัง

อิมัง อานันทะ อาระณะปริตตัง ธาเรหิ วาเรหิ ปริปุจฉาหิ ตัสสะ กาเย วิสัง นะ กะเมยยะ อุทะเกนะ ลัคเคยยะ อัคคีนะ ทะเหยยะ นานาภะยะวิโก นะ เอกาหาระโก นะ ทะวิหาระ โก นะ ติหาระ โก นะ จะตุหาระโก นะ อุมมัตตะกัง นะ มุฬะหะกัง มนุสเสหิ อะมนุสเสหิ นะ หิงสกา

ตัง ธาระณัง ปริตรตัง ยถา กะมะเม ชาโล มหาชาโล ชาลิตเต มหาชาลิตเต ปุคเค มหาปุคเค สัมปัตเต มหาสัมปัตเต ภูตัง คะมะหิ ตะมังคะลัง

อิมัง โข ปะนานันทะ ธาระณะปริตรตัง สัตตังสะเตหิ สัมมา สัมพุทธโกฏีหิ ภาสิตัง วัตเต อะวัตเต คันธะเว อะคันธะเว โนเม อะโนเม เสเว อะเสเว กาเย อะกาเย ธาระเณ อะธารระเณ อัลลิ มิลลิ ติลลิ มิลลิ โยรุกเข มหาโยรุกเข ภูตัง คะมะหิ ตะมังคะลัง

อิมัง โข ปะนานันทะ ธาระณะปริตรตัง นะวะ นะ วุติยา สัมมนา สัมพุทธโกฏีหิ ภาสิตัง ทิฏฐิลา ทัณทิลา มันติลา โรคิลา ขะระลา ทุพพิลา เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา

ความเป็นมาของพระคาถาศักดิ์สิทธิ “พระคาถาธารณปริตร”

เมื่อครั้งออกพรรษาปี 2526 พระป่ากรรมฐานรูปหนึ่งได้มีโอกาสออกวิเวก เจริญรุกขมูล ธุดงค์ทางภาคเหนือของชายแดนฝั่งพม่าเขตติดต่อพรมแดนในแวดวงหมู่บ้านชาวเขา เผ่าต่าง ๆ นานเกือบ 3 เดือน ขณะปักกลดพักที่ดอยพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน ได้พบและปรึกษาธรรมปฏิบัติและอื่น ๆ กับพระอาจารย์รังสรรค์ โชติปาโล ซึ่งเพิ่งจะธุดงค์เดินป่ามาจากประเทศพม่า และได้จดจำเอาพระคาถาธารณปริตร จากวัดอรัญตะยา ในมัณฑะเล ประเทศพม่า มาด้วย

เนื่องจาก เห็นว่า บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณที่ในประเทศไทยของเรานั้นยังไม่คุ้นเคยหรือว่า มีปรากฎมาก่อน จะด้วยสาเหตุใดก็ตามที เมื่อมีพระป่ามาพบกันหลายองค์ที่ จ.ลำพูน ก็ได้นำพระคาถาธารณปริตรบทนี้ ได้ทำวัตรเย็นร่วมกันติดต่อกันอยู่ 5 วัน และก่อนทำเพียรภาวนาทุกค่ำคืน ได้ปรากฏเห็นหมู่เทวาอารักษ์ในนิมิต มาร่วมชุมนุมและร้องชมเชยสรรเสริญกันอย่างชื่นบาน ร่าเริงมาก ที่ได้ยินพระป่ากรรมฐานเจริญพระคาถาธารณปริตรอันทรงคุณเป็นเลิศนี้

พระภิกษุกรรมฐานทั้ง 6 รูปครั้นเจริญพระปริตรนี้ที่ห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน ต่างได้เห็นนิมิตเทวาอารักษ์ ชื่นชมตรงกันทั้งสิ้น แม้จะน้อมนำทำน้ำมนต์โปรดหมู่ญาติโยมในที่ต่าง ๆ ก็ศักดิ์สิทธิ์เหลือประมาณ จึงได้พิจารณาเห็นว่า พระพุทธานุภาพของพระปริตรนี้ทรงคุณเหลือประมาณ สมควรที่พุทธศาสนิกชนทุกท่านจะได้นำไปสาธยายบูชาต่อไป

อนึ่งหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ว่า ผู้ที่สาธยายมนต์พระปริตรบทนี้ทุก ๆ วันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งพร้อมกับเร่งบริจาคทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา จะสามารถรอดพ้นจากวิกฤตมหาอุบัติภัยโลกที่จะบังเกิด พระคาถานี้ ช่วยสะเดาะเคราะห์กรรม แก้กรรม แก้วิบากกรรม ปัดเป่าสิ่งไม่ดี และเสริมสิริมงคล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *