ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์

การประกันเสี่ยงภัยของรถยนต์สามารถแบ่งความประสงค์ของผู้เอาประกันออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ และการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ

การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ

ประเทศไทยได้ครอบคลุมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหาย พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2532 กฎหมายที่รัฐบาลกำหนดโดยการบังคับใช้รถยนต์ทุกประเภท และทุกประเภทตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก หรือกฎหมายว่าด้วยยานพาพนะทางทหาร โดยไม่คำนึงถึงเจ้าของรถยนต์ จะเป็นเจ้าของรถยนต์ในฐานผู้เช่ารถยนต์ หรือเป็นผู้นำของรถยนต์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ เพื่อการใช้งานถาวร หรือชั่วคราวในกรณีของเจ้าของรถไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักรที่รถยนต์ต่าง ๆ เหล่านี้ อาจเป็นรถยนต์ที่กรมการขนส่งทางบกยอมรับ หรือไม่ลงทะเบียน แต่หากรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น ๆ เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถสามล้อ รถโดยสาร หัวรถบรรทุก รถลากจูง รถพ่วง รถบดถนน อี – ไบค์ (ยกเว้นรถไฟ) ฯลฯ จัดอยู่ในประเภทยานพาหนะที่ต้องการประกันภัย บริษัท ประกันวินาศภัยที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประกันภัยรถยนต์ เพื่อให้ความคุ้มครองประกันที่เกิดขึ้นกับชีวิตร่างกาย หรือสุขาภิบาลของทุกคนที่ได้รับควาทุกข์ทรมานจากรถกับคนในรถคันนั้น สร้างความเสียหายให้กับทุกคนซึ่งอาจเป็นคนขับรถเอง หรือผู้โดยสารคนเดินเท้า หรือคนข้ามถนน หรือแม้แต่คนที่นอนในบ้าน พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายปี 2535 จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อชีวิต และร่างกายของผู้เสียหายเท่านั้น แต่ไม่รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพย์สิน

การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ

การประกันภัยรถยนต์แบบดั้งเดิมนั้น ผู้ขับขี่ที่ไม่มีกรมธรรม์ประกันภัย หมายถึง การประกันที่ไม่ได้ระบุชื่อของคนขับรถ เพื่อให้ทุกคนสามารถขับรถยนต์ที่เอาประกันภัยได้ โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันราวกับว่า ผู้เอาประกันภัย เช่น รถแท็กซี่ รถเช่า และหากมีความเสียหายที่เกิดจากผู้ขับขี่ โดยความยินยอมของผู้เอาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบส่วนแรกของความเสียหาย แต่รถที่กล่าวถึงข้างต้นมีความเสี่ยงสูงกว่ารถที่มีผู้ขับขี่เพียง 1 หรือ 2 คนเมื่อเทียบกับเบี้ยประกันภัยแบบเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้รถยนต์ 1 หรือ 2 คนซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่าที่จะต้องรับเบี้ยประกันจากรถยนต์ที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น จึงไม่ยุติธรรม ชื่อคนขับรถจะไม่ได้รับส่วนลดเบี้ยประกัน

ประกันภัยรถยนต์ใหม่เป็นนโยบายการประกันภัยรถยนต์ใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2540 เป็นต้นไป กับนโยบายการประกันภัยรถยนต์รุ่นก่อนหน้านี้ในแง่ของการคุ้มครองเบี้ยประกัน เวลาเงื่อนไขจากนโยบายการประกันเก่า นโยบายใหม่นี้จะช่วยให้ผู้ประกันตน ระบุชื่อของผู้ขับรถ นโยบายการระบุชื่อผู้ขับขี่ หมายถึง ผู้เอาประกันภัยสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ยานพาหนะที่เอาประกันได้ไม่เกิน 2 คน และเสียเบี้ยประกันราคาถูกกว่า โดยการคำนวณเบี้ยประกันรถยนต์ใหม่จะใช้ปัจจัยอื่น ๆ เป็นพื้นฐานในการคำนวณเบี้ยประกัน เช่น อายุคนขับ อายุรถยนต์ ลักษณะการใช้ยานพาหนะ เป็นต้น กรมการประกันภัย ได้จำกัดมอเตอร์ที่ใช้ในการระบุชื่อคนขับ กรมธรรม์ประกันภัยต้องเป็นรถยนต์ 3 ประเภทที่ใช้เพื่อการใช้งานส่วนตัวเท่านั้น เช่น รถยนต์ส่วนบุคคล รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์

การประกันภัยภาคสมัครใจ แบ่งออกเป็น 5 ประเภท

  1. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 สามารถขอรับสิทธิ์ได้ทุกกรณีไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจำเป็นต้องซ่อมรถยนต์รถของเขา หรือรถหาย ไฟไหม้ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะครอบคลุมทุกอย่าง
  2. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2 จะไม่คุ้มครองผู้เอาประกันภัยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิด แต่จะให้ความคุ้มครองแก่คู่กรณีแทน แต่ยังให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถหาย หรือไฟไหม้เสียหาย
  3. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครประเภท 3 ซึ่งจะคุ้มครองเฉพาะความรับผิดของผู้เอาประกันภัยต่อบุคคลภายนอกเท่านั้น
  4. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ ความคุ้มครองสำหรับอุบัติเหตุทางรถยนต์ และอุบัติเหตุทางรถยนต์ยังครอบคลุมถึงภัยธรรมชาติ น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุลูกเห็บ และเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่ได้รับผลกระทบจากการก่อการร้ายรถยนต์ติดไฟ หรือถูกทิ้งระเบิด หรือแม้แต่รถหาย
  5. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครประเภท 3+ ความคุ้มครองสำหรับความเสียหายของรถยนต์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์โดยทราบหมายเลขทะเบียนของคู่ต่อสู้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นจะไม่ครอบคลุมค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าและจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *