กิจกรรมทางเพศ รูปแบบการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก

รูปแบบการมีเพศสัมพันธ์ชายรักชายทางทวารหนัก

การร่วมเพศด้วยการใช้อวัยวะเพศชายสอดใส่เข้าไปในรูทวาร เป็นวิธีการหนึ่งที่ได้รับความนิยมสำหรับกลุ่มชายรักชาย จากการศึกษาของวัชรวุฒิ ซื่อสัตย์ และพัชรินทร์ สิรสุนทร (2558) พบว่า การร่วมเพศของนักศึกษาชายรักชายส่วนใหญ่เน้นปฏิบัติใน “ท่ามาตรฐาน” ซึ่งประกอบด้วยท่าต่าง ๆ ดังนี้

  1. ท่านอนยกขาทั้งสองข้าง วิธีการคือ ผู้ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ (รับ) จะนอนหงาย หลังแนบกับพื้น พร้อมตั้งขาทั้งสองขึ้น เพื่อเปิดพื้นที่ช่วงก้น สำหรับฝ่ายกระทำ (รุก) จะนั่งคุกเข่า มือทั้งสองข้างจับขาของฝ่ายถูกกระทำ แล้วสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าในส่วนรูทวาร พร้อมกับกระแทกเข้าออกเป็นจังหวะ ส่วนมือของผู้ถูกกระทำบางครั้ง อาจรูดหนังองคชาตของตนเองขึ้นลงคล้ายกับการสำเร็จความใคร่
  2. ท่านอนคว่ำตั้งแขนคุกเข่า วิธีการ คือ ผู้ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ (รับ) จะนอนคว่ำในลักษณะของการดันพื้น ตั้งแขน คุกเข่า และยกก้นขึ้น สำหรับฝ่ายกระทำ (รุก) จะนั่งยอง ๆ มือทั้งสองข้างจับไว้ที่สะโพกหรือเอวของฝ่ายถูกกระทำ แล้วสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าในส่วนรูทวาร พร้อมกับกระแทกเข้าออกเป็นจังหวะ ส่วนมือของผู้ถูกกระทำบางครั้ง อาจรูดหนังองคชาตของตนเองขึ้นลงคล้ายกับการสำเร็จความใคร่
  3. ท่าขึ้นนั่งบนองคชาต วิธีการ คือ ผู้ที่เป็นฝ่ายกระทำ (รุก) จะนอนหงายราบกับพื้น โดยปล่อยร่างกายตามสบาย ส่วนฝ่ายถูกกระทำ (รับ) จะขึ้นไปนั่งบนอวัยวะเพศของฝ่ายกระทำ โดยให้รูทวารสอดเข้าไปในอวัยวะเพศ แล้วขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ สำหรับการนั่งบนอวัยวะเพศนั้น ฝ่ายถูกกระทำจะนั่งยอง ๆ ไม่ทิ้งน้ำหนักลงบนร่างกายของฝ่ายกระทำ ส่วนฝ่ายกระทำ จะใช้มือทั้งสองข้างรูดหนังองคชาตของฝ่ายถูกกระทำขึ้นลงคล้ายกับการสำเร็จความใคร่

รูปแบบการมีเพศสัมพันธ์ชายรักชายทางปาก

การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก หมายถึง การใช้ปากอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อให้เกิดอารมณ์ความต้องการทางเพศในเชิงกามารมณ์ ซึ่งการใช้ปากในที่นี้หมายรวมถึง ลิ้นและฟันที่อยู่ในช่องปากด้วย ประกอบด้วยท่าต่าง ๆ ดังนี้

  1. การใช้ปากกับปาก หรือการจูบ เพื่อสร้างอารมณ์ทางเพศในเชิงกามารมณ์ หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการจูบเพื่อแสดงถึงความรัก ความห่วงใย หรือการให้กำลังใจต่อกัน สำหรับวิธีการนั้น ทั้งฝ่ายกระทำและถูกกระทำจะใช้ริมฝีปากกระทบกัน แล้วเคลื่อนริมฝีปากอย่างเป็นอิสระ พร้อมทั้งสอดลิ้นเข้าไปในปากของฝ่ายตรงข้าม หรือบางรายใช้มือทั้งสองข้างลูบไล้บริเวณศีรษะ ต้นคอ เอว ก้น และอวัยวะเพศ
  2. การใช้ปากกับอวัยวะเพศ เป็นกระบวนการหนึ่งของการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สอดใส่ ซึ่งสามารถใช้สำหรับการปฏิบัติกิจในสถานที่ที่ต้องใช้ความเร่งรีบ หรือใช้ประกอบการมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ สำหรับวิธีการ คือ ฝ่ายที่เป็นผู้ใช้ปากกับอวัยวะเพศ จะเริ่มต้องด้วยการรูดหนังหุ้มปลายองคชาตลงแล้วใช้ลิ้นเลียบริเวณหัวองคชาต จากนั้นใช้ริมฝีปากดูดอวัยวะเพศเข้าไปในช่องปาก โดยไม่ให้ฟันสัมผัสกับอวัยวะเพศชาย เพราะจะเป็นการสร้างความรำคาญให้อีกฝ่าย เมื่ออวัยวะเพศเข้าอยู่ในปากแล้ว จะใช้ริมฝีปากรูดขึ้นลงเป็นจังหวะ โดยให้ส่วนของริมฝีปากสัมผัสให้ทั่วบริเวณองคชาต หรือในบางรายยังใช้ปากกับถุงอัณฑะ และลูกอัณฑะด้วยวิธีการเช่นเดียวกัน
  3. การใช้ปากกับรูทวาร เป็นวิธีการหนึ่งของการมีเพศสัมพันธ์ มีชื่อเรียกว่า อย่างไม่เป็นทางการว่า “ล้างตู้เย็น” โดยวิธีการ คือ ฝ่ายถูกกระทำจะนอนหงายยกตั้งขาขึ้นหรือนอนคว่ำยกก้น ซึ่งฝ่ายกระทำจะใช้ลิ้นเลยโดยรอบบริเวณรูทวารหรือใช้ลิ้นสอดเข้าไปในรูทวาร ซึ่งวิธีการดังกล่าว ฝ่ายที่เป็นผู้ถูกกระทำจะต้องทำความสะอาดรูทวารมาเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันสิ่งไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ ในบางรายยังมีการลูบไล้บริเวณก้น จูบ และเลียบริเวณก้นก่อนที่จะใช้ลิ้นเข้าถึงส่วนรูทวาร สำหรับฝ่ายถูกกระทำอาจรูดหนังองคชาตของตนเองขึ้นลงคล้ายกับการสำเร็จความใคร่
  4. การใช้ปากกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ซอกคอ หลังหู หัวนม และอื่น ๆ ล้วนเป็นการสร้างอารมณ์และปรับบรรยากาศของการมีเพศสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี นับว่า เป็นการกระตุ้นอารมณ์เพื่อเข้าสู่กระบวนการมีเพศสัมพันธ์แบบอื่น ๆ ซึ่งนักศึกษาชายรักชายล้วนเคยปฏิบัติเช่นที่ได้กล่าวมาข้างต้น เพื่อเป็นการยืดระยะเวลาของการมีเพศสัมพันธ์ให้ยาวนานขึ้น สำหรับวิธีการปฏิบัตินั้น จะใช้ริมฝีปากจูบ และลิ้นเลียในบริเวณซอกคอ หลังหู หัวนม และอื่น ๆ

รูปแบบการมีเพศสัมพันธ์ชายรักชายรูปแบบอื่น ๆ

การมีเพศสัมพันธ์แบบอื่น ๆ หมายถึง การใช้อุปกรณ์ในขณะร่วมเพศหรือการร่วมเพศแบบโลดโผน ซึ่งจากการศึกษาไม่พบวิธีการดังกล่าว แต่พบการสำเร็จความใคร่ เช่น การสำเร็จความใคร่โดยการเสียดสีกับหมอนข้างหลังจากตื่นนอนตอนเช้าซึ่งอวัยวะเพศกำลังแข็งตัว หรือการใช้ผ้าขนหนูรูดอวัยวะเพศเพื่อสำเร็จความใคร่

อย่างไรก็ตาม การมีเพศสัมพันธ์ของนักศึกษาชายรักชายยังคงให้ความสำคัญและจัดบทบาทหน้าที่ทางเพศคล้ายกับชายหญิงปกติจนสำเร็จภารกิจทางเพศ ซึ่งกรอบการคิดแบบหญิงชายปกติเป็นสิ่งที่แทรกซึมเข้าสู่วิถีการร่วมเพศของชายรักชายเป็นอย่างมาก เช่น ในทัศนคติของนักศึกษาชายรักชายฝ่ายที่เป็นผู้ถูกกระทำ (รับ) จะมีบทบาทสมมติเป็นเพศหญิง จึงไม่มีสิทธิที่จะก้าวข้ามขึ้นมาเป็นฝ่ายกระทำได้ ส่วนฝ่ายที่เป็นผู้กระทำ (รุก) จะยึดมั่นในความเป็นชาย มีบทบาทเป็นชายในกิจกรรมทางเพศ จะไม่ยอมเป็นผู้ถูกกระทำอย่างเด็ดขาด ด้วยเหตุผลที่ว่า “กลัวว่าอีกฝ่ายจะทอดทิ้ง” หรือ “เปลี่ยนตนเองให้อีกฝ่ายยอมใช้ชีวิตคู่ด้วย”

ที่มาบทความ เรื่อง สุขภาวะทางเพศและกิจกรรมทางเพศของนักศึกษาชายรักชาย โดยวัชรวุฒิ ซื่อสัตย์ และพัชรินทร์ สิรสุนทร วาสารศิลปศาสตร์ ปีที่ 15 ฉบับที่ 1

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *