การนำโหราศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในเรื่องกฎแห่งกรรม

ความเชื่อตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาในกาลามสูตร สรุปได้ว่า พระพุทธเจ้าให้เชื่ออย่างมีสติและใช้สติปัญญาคิดตริตรองก่อนในสิ่งที่ผู้อื่นสอนหรือบอกมา อย่าปักใจเชื่อหรือเชื่ออย่างงมงาย เรื่องโหราศาสตร์ เรื่องกฎแห่งกรรม ทำให้เกิดกระบวนการคิดที่มีแบบแผน สนับสนุนด้วยเหตุผล และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและเป็นที่ยอมรับแก่บุคคลทั่วไป เช่น เมื่อนายวินัยเกิดความไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว และประจวบเหมาะกับเพื่อนของเขามาบอกเกี่ยวกับดวงของตัวเขาเองว่า กำลังอยู่ในเคราะห์หามยามร้าย จึงไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์และต่อจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำทางออกให้กับนายวินัย โดยการไปพบแพทย์เป็นขั้นตอนแรกเพื่อตรวจร่างกายและให้วิธีการปฏิบัติตัวเพื่อใช้ชีวิตในช่วงที่กำลังไม่สบาย ซึ่งจะเน้นไปทางการมีสติในการใช้ชีวิตทุก ๆ ขณะเพื่อไม่ให้ตนเองประมาท ทำอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกไม่ควร เพราะพระพุทธศาสนานั้นสอนให้คนเรามีสติอยู่ทุกเมื่อ รักษากาย วาจา ใจ ให้อยู่ในสิ่งที่ดี การดำเนินชีวิตอย่างมีสตินั้นจะสามารถช่วยให้เรื่องที่กำลังจะไม่ถูกไม่ควรสามารถเบาบางลง เพราะสติจะช่วยตริตรองว่าสิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ จึงทำให้นายวินัยนั้นสามารถใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ปัจจุบันนี้ คนมีความเชื่อในวิชาโหราศาสตร์มากกว่าเรื่องกฎแห่งกรรมและในขณะเดียวกันกลับมองว่า มนุษย์ทุกคนมีความศรัทธาอยู่ในตัว เมื่อมีความเชื่อและความศรัทธาในวิชาโหราศาสตร์ ก็สามารถใช้ทฤษฎีในวิชาโหราศาสตร์ เช่น วิชาที่ว่าด้วยเรื่องของดาวประจำวันของบุคคลนั้น ๆ ได้อย่างมีเหตุผล สามารถทำให้ผู้ที่มาปรึกษาเชื่อเรื่องกรรมโดยมีโหราศาสตร์เป็นตัวเชื่อมโยงได้อย่างมีเหตุและผล สามารถนำไปสู่การชี้แนวทางให้กับผู้ที่ประสบปัญหาหรือทุกข์ใจ เพื่อนำไปสู่วิธีการแก้ไขได้อย่างถูกต้อง แม้มนุษย์จะมีเสรีภาพในการตัดสินใจ กระทำสิ่งต่าง ๆ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่จำกัด เพราะบางสิ่งมนุษย์ไม่สามารถกระทำได้ มีหลักพระพุทธศาสนาหลายข้อที่สามารถอธิบายโหราศาสตร์ได้ด้วยเรื่องเสรีภาพ ความเพียรและการพึ่งตนเอง จากการวิเคราะห์หลักธรรมเหล่านี้ผนวกกับการใช้หลักความเชื่อในพระพุทธศาสนา ได้ใช้วิชาโหราศาสตร์อธิบายและเชื่อมโยงข้อมูลจากผลการกระทำ เรื่องของกรรมในอดีตที่แสดงผลมายังปัจจุบันได้อย่างมีเหตุผล โดยมีความเชื่อทางโหราศาสตร์เป็นแม่บท เป็นสื่อกลางเชื่อมโยงและชี้ให้เห็นถึงเรื่องกฎแห่งกรรมและผลของกรรมโดยผ่านระบบดวงดาวและเวลาเกิดตามหลักวิชาโหราศาสตร์ นำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างมีเหตุผลเป็นที่เข้าใจและยอมรับแก่บุคคลทั่วไป

โหราศาสตร์เป็นวิชาหนึ่งที่มีบทบาทอย่างมากในสังคมไทย จึงควรมีการศึกษาเรื่องโหราศาสตร์ให้เข้าใจ เพื่อชี้นำให้มีความเชื่อในเรื่องนี้อย่างถูกต้อง โดยใช้หลักพระพุทธศาสนาเป็นกรอบแนวคิด ศึกษาและตีความใหม่ให้เข้ากับปัจจุบัน จะสามารถนำวิชาการที่ดูลึกลับสาขานี้มาใช้ประโยชน์และควรศึกษาข้อมูลในเชิงสถิติ สำหรับทรรศนะของพระพุทธศาสนาที่มีต่อโหราศาสตร์ในยุคปัจจุบัน ควรมีการศึกษาเรื่องการทำทายทักสมัยก่อนพุทธกาล ซึ่งมีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกหลายแห่งพระพุทธเจ้าเองไม่ได้ทรงปฏิเสธความมีอยู่ และความเป็นไปได้ของการทำนายทายทัก แต่ก็ไม่ทรงสอนให้สาวกวางใจในโหราศาสตร์ ดังที่ปรากฏในทั้งพระวินัยปิฎกและพระสุตตันปิฎกว่า พระพุทธเจ้าทรงเห็นว่า โหราศาสตร์เป็นดรัจฉานวิชา ไม่เหมาะกับชีวิตสมณะ ทรงบัญญัติมิให้ภิกษุภิกษุณีเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทั้งการเรียน การสอน และการหาเลี้ยงชีพ แต่ทรงอนุญาตให้ภิกษุเรียนวิชาด้านดาราศาสตร์ไว้บ้างเพื่อใช้ในการนับวันเวลา ส่วนในการทำนายนั้นทรงห้ามเด็ดขาด จากการวิเคราะห์และนำหลักธรรมมาอธิบายหลายข้อ ได้แก่ เรื่องกรรมที่นักโหราศาสตร์มักจะอ้างถึง และเข้าใจคลาดเคลื่อนกับหลักพระพุทธศาสนา เรื่องนิยาม 5 อันเป็นการอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของธรรมชาติ ต่อมาเป็นเรื่องของความเพียรและการพึ่งตนเองที่พระพุทธศาสนาเน้นมากกว่าการที่จะยอมรับชะตากรรม รวมทั้งเรื่องเสรีภาพในพระพุทธศาสนา ซึ่งสรุปได้ว่า พระพุทธศาสนาสอนว่าบุคคลมีเสรีภาพที่จะเลือกกระทำได้ด้วยเจตนาที่ประกอบด้วยกุศลหรืออกุศล มีนักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาของไทยหลายท่านที่แสดงทรรศนะเกี่ยวกับโหราศาสตร์ไว้ ทุกท่านเห็นไปในทางเดียวกันว่า โหราศาสตร์ไม่ใช่วิชาที่เหมาะกับพระภิกษุ เป็นวิชาที่ขวางการเจริญภาวนาเพื่อความดับทุกข์ และกรรมที่บุคคลกระทำมีความสำคัญมากกว่าคำทำนายที่ได้จากโหราศาสตร์ แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในโลกแห่งโลกิยะ

การศึกษาเดรัจฉานวิชาเหล่านี้ ยังมีประโยชน์และจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต โหราศาสตร์ก็มีประโยชน์ถ้ารู้จักใช้อย่างเท่าทันและมีสติ สำหรับท่าทีต่อโหราศาสตร์ที่ถูกต้องในทรรศนะของพระพุทธศาสนานั้น ได้เสนอว่า ให้ตระหนักว่าพระพุทธเจ้าไม่ทรงสรรเสริญโหราศาสตร์ ให้ทำความเข้าใจในเรื่องของกรรมในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง ให้ความสำคัญกับเสรีภาพและการพึ่งตนเอง รวมทั้งการทำความเพียร ไม่ใช่โหราศาสตร์อย่างถูกต้อง ให้ความสำคัญกับเสรีภาพและการพึ่งตนเอง รวมทั้งการทำความเพียร ไม่ใช้โหราศาสตร์บนพื้นฐานความเชื่อนอกพระพุทธศาสนาและผิดศีลธรรม และมีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้อย่างถูกหลักพระพุทธศาสนา ประโยชน์ที่เด่นชัดของโหราศาสตร์ คือ ช่วยในการทำความเข้าใจอุปนิสัยและศักยภาพของตนเอง รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเพื่อการพัฒนาให้ดีขึ้นและถูกทิศทาง ช่วยให้เข้าใจผู้อื่น เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เป็นอุปกรณ์ช่วยในการให้คำปรึกษา และช่วยทำให้เข้าใจธรรมชาติมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องกรรม

สำหรับการดำรงชีวิตในปัจจุบัน เป็นการยากที่จะปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ได้ จึงเสนอแนวทางการใช้ประโยชน์จากโหราศาสตร์ตามหลักพระพุทธศาสนา โดยบุคคลผู้รับการทำนาย ควรตระหนักว่า โหราศาสตร์ไม่สามารถบอกความจริงได้ทั้งหมด ชีวิตเรามีเสรีภาพ ความเพียรและความมีสติเท่านั้นที่สามารถเอาชนะโชคชะตาได้เสมอ โหราศาสตร์เป็นความเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือประกาศิตจากสวรรค์ใช่หรือไม่ เรื่อง “พรหมลิขิต” เป็นแนวความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ ซึ่งความจริงแล้วโหราศาสตร์ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาเลย เพียงแต่โหราศาสตร์อินเดียอันเป็นต้นตระกูลของโหราศาสตร์ไทยนั้นเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ผู้คนจึงมักรวมโหราศาสตร์เข้ากับศาสนา อันที่จริงโหราศาสตร์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเชื่อใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นศาสตร์ที่เกิดจากการสังเกตปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ สืบเนื่องมานานกว่าพันปีซึ่งมีการบันทึกเป็นสถิติ เรียกได้ว่า มีความเป็นวิทยาศาสตร์ เมื่อเราเข้าใจโหราศาสตร์ว่า เป็นวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่ง ก็จะรู้ว่า โหราศาสตร์ไม่เกี่ยวอะไรกับพรหมลิขิตหรือเทพเจ้าทั้งหลาย ดวงดาวเป็นเพียงตัวบอกเท่านั้น ดังนั้น หากเราได้ศึกษาโหราศาสตร์อย่างถูกต้องก็จะทราบว่า ความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ไม่ใช่ความเชื่อเรื่องพรหมลิขิต

ส่วนกรรมในโหราศาสตร์และกรรมในพระพุทธศาสนาเป็นคนละเรื่องกัน กรรมในพระพุทธศาสนาเน้นในเรื่องเจตนาที่เป็นกุศลหรืออกุศล อันจะนำมาซึ่งผลของกรรม ทำให้เกิดกิเลสอันเป็นเหตุให้ทำกรรมต่อไป เกิดเป็นวัฏฏะวงจรไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าบุคคลจะดำเนินตามอริยมรรคมีองค์แปด ส่วนกรรมในโหราศาสตร์จะสนใจเหตุในอดีตที่ส่งผลมาให้เกิดสภาพในปัจจุบันและส่งผลไปในอนาคตเป็นหลัก ความเชื่อที่ว่าทุกข์สุขที่เราได้รับเป็นผลมาจากกรรมในอดีตเท่านั้น เป็นความเชื่อที่ผิดหลักกรรม กรรมในอดีตย่อมมีผลเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่บุคคลย่อมมีความเพียรที่จะประกอบกุศลกรรม เพื่อจะบรรเทาผลของกรรมเก่าและสร้างอนาคตแห่งกรรมใหม่ได้ด้วยตัวเอง พรหมลิขิตไม่มีในพระพุทธศาสนา การเข้าใจโหราศาสตร์อย่างถูกต้อง ต้องแยกโหราศาสตร์ออกจากศาสนา คือ ยอมรับว่า โหราศาสตร์เป็นเพียงศาสตร์หนึ่งและยอมรับว่า อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน กรรมในปัจจุบันย่อมมีผลต่อผลกรรมในอนาคตไม่แพ้กรรมในอดีต ไม่มีใครทราบกระบวนการของกรรมได้ดีเท่าพระพุทธเจ้า ดังนั้น จงใช้และเชื่อโหราศาสตร์ภายในขอบเขต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *